Credit - Elvert Barnes

หมอ-พยาบาลในเยเมนตกเป็นเป้าโจมตีของกองกำลังปราบกบฏ

20 ธันวาคม 2559

 

แอมเนสตี้พบกองกำลังปราบกบฏฮูตีในเยเมนใช้ความรุนแรงหลายรูปแบบข่มขู่และคุกคามบุคลากรทางการแพทย์ในเมืองทาอิซ เรียกร้องทุกฝ่ายหยุดส่งอาวุธไปเยเมน

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์แนชั่นแนลค้นพบว่ากองกำลังปราบปรามกบฏฮูตีในเมืองทาอิซ ทางตอนใต้ของเยเมน ซึ่งถูกหนุนหลังโดยซาอุดีอาระเบีย สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ได้ปลุกระดมให้มีการทำร้ายร่างกายและข่มขู่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในโรงพยาบาลท้องถิ่น และจัดกองกำลังของตนประจำการใกล้ๆ กับที่ตั้งของโรงพยาบาล ทำให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนตกอยู่ในอันตราย

 

จากการลงพื้นที่เมืองทาอิซ นักวิจัยจากแอมเนสตี้ได้สัมภาษณ์แพทย์ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ 15 คน ตลอดจนเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนอื่นๆ โดยพวกเขาต่างเล่าว่าถูกข่มขู่ คุมขัง หรือแม้แต่โดนขู่เอาชีวิตตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

 

ฟิลิป ลูเธอร์ ผู้อำนวยการด้านงานวิจัยและนโยบายประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่ามีหลักฐานชัดเจนว่ากองกำลังปราบปรามกบฏฮูตีต้องการสร้างความหวาดกลัวและข่มขู่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในเมืองทาอิซ โดยให้กองกำลังประจำการใกล้ๆ กับสถานพยาบาลซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตกลงกันให้เป็นพื้นที่ปลอดการสู้รบ ซึ่งถือเป็นการละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศในการปกป้องคุ้มครองพลเรือน

 

“มันไม่มีข้ออ้างใดๆ สำหรับการคุกคามบุคลากรทางการแพทย์หรือการห้ามไม่ให้พวกเขาทำหน้าที่ช่วยชีวิตคนอื่น การโจมตีบุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาลขัดต่อกฎหมายด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศและอาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม” ฟิลิป ลูเธอร์ กล่าว

 

กองกำลังปราบปรามกบฏฮูตีเป็นที่รู้จักในนามกองกำลังปราบปรามเพื่อประชาชน (Popular Resistance Forces) เป็นพันธมิตรกับประธานาธิบดีเยเมน “อับด์ รับบู มานซูร์ ฮาดี” (Abd Rabbu Mansour Hadi) และกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ด้วยการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร

 

โรงพยาบาลถูกปิด

 

โรงพยาบาลในพื้นที่อย่างน้อยสามแห่งต้องปิดตัวลงเนื่องจากแพทย์ พยาบาล และพนักงานตกอยู่ในความเสี่ยง โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กองกำลังปราบปรามกบฏฮูตีได้เข้าไปบุกค้นและสั่งให้โรงพยาบาลอัลทอว์รา (Al-Thawra) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐที่ใหญ่ที่สุดในในเมืองทาอิซปิดตัวลงทันที โดยขู่ว่าหากไม่ปิด เจ้าหน้าที่จะถูกสังหาร ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้แค้นที่ทางโรงพยาบาลดังกล่าวให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ต่อฝ่ายกบฎ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักรบฝ่ายกบฎฮูตีคนหนึ่งซึ่งกำลังเข้ารับการรักษาพยาบาลเสียชีวิตลงและทำให้โรงพยาบาลไม่สามารถให้บริการได้บางส่วน

 

ฟิลิป ลูเธอร์ กล่าวเสริมว่า “มันเป็นหลักพื้นฐานของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศที่ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดจะต้องได้รับการรักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นพลเรือนหรือกองกำลังฝ่ายใดก็ตาม การโจมตีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ขณะที่พวกเขากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้นเป็นการกระทำที่อุกอาจและยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง”

 

263.jpg

 

 

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ถูกคุกคาม

 

เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนหนึ่งบอกกับแอมเนสตี้ว่ากองกำลังปราบปรามกบฏฮูตินั้นเปรียบเสมือนคนปกครองพื้นที่ไปโดยปริยาย พวกเขามักก่อความวุ่นวาย มีปากเสียง และใช้กำลังต่อบุคลากรทางการแพทย์ เมื่อไม่ได้รับการบริการที่พวกเขาพึงพอใจ หลายคนพกอาวุธเข้ามาในโรงพยาบาลและยึดเครื่องมือทางการแพทย์และยารักษาโรค

 

แพทย์คนหนึ่งที่ถูกกองกำลังคุมขังหลังพยายามป้องกันไม่ให้พวกเขาขัดขวางการทำงานในโรงพยาบาลเล่าว่า
“บ่อยครั้งที่พวกเขาเข้ามาข่มขู่และขัดขวางการทำงานในโรงพยาบาล และเมื่อไหร่ที่พวกเราขัดขืน พวกเขาก็จะขู่ฆ่าเรา”

 

จัดกองกำลังประจำการใกล้โรงพยาบาล

 

เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอัลทอว์ราคนหนึ่งเล่าว่ากองกำลังได้นำรถถังมาจอดรอบๆ โรงพยาบาลโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของโรงพยาบาลและเจ้าหน้าท้องถิ่น การกระทำเช่นนี้จะทำให้โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ และผู้ป่วยตกเป็นเป้าโจมตีของกองกำลังกบฏฮูตีได้

 

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังคาของอาคารโรงพยาบาลอัลจามฮูรีถูกยิงด้วยปืนใหญ่จนเสียหาย แพทย์คนหนึ่งระบุว่า
“จุดที่ถูกยิงอยู่ห่างจากจุดที่พวกเรากำลังทำงานไปแค่ 12 เมตรเท่านั้น”

 

ทั้งนี้ กองกำลังปราบปรามกบฏฮูตีได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร โดยแอมเนสตี้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยุติการส่งอาวุธให้ทุกกองกำลังในเยเมน ตลอดจนเรียกร้องรัฐบาลเยเมนให้ขยายการคุ้มครองความปลอดภัยต่อสถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยให้มากขึ้นด้วย