แอมเนสตี้พบคาซัคสถานคุกคามผู้เห็นต่างบนโลกออนไลน์อย่างหนัก

15 กุมภาพันธ์ 2560

 

แอมเนสตี้พบทางการคาซัคสถานกำลังคุกคามเสรีภาพออนไลน์ด้วยการพยายามสอดแนมผู้เห็นต่างและบล็อกเว็บไซต์ต่างๆ ตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ตีพิม์รายงานฉบับย่อเรื่อง “คิดก่อนโพสต์: การจำกัดพื้นที่โซเชียลมีเดียในคาซัคสถาน” (Think before you post: Closing down social media space in Kazakhstan) ซึ่งมีการค้นพบว่าตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา ทางการคาซัคสถานใช้อำนาจสั่งปิดและบล็อกเว็บไซต์ต่างๆ ไปจนถึงใช้กฎหมายคุกคามคนที่เห็นต่างบนโลกออนไลน์มากมาย

 

เดนีส ครีวอชีฟ รองผู้อำนวยการภูมิภาคยุโรปและเอเชียกลาง แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่าที่ผ่านมาสื่อในคาซัคสถานก็ถูกจำกัดเสรีภาพจากรัฐบาลอย่างมาก อินเทอร์เน็ตจึงเป็นเพียงช่องทางเดียวที่ยังพอมีเสรีภาพอยู่บ้าง แต่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว หลังทางการพุ่งเป้ามาที่สื่อออนไลน์มากขึ้น

 

ตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 เป็นต้นมา ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในคาซัคสถานทุกคนถูกสั่งให้ติดตั้งใบรับรองทางอิเล็กทรอนิกส์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Certificate) บนอุปกรณ์ ส่งผลให้ทางการสามารถดักจับข้อมูลการใช้งาน เพื่อเป็นประโยชน์ในการบล็อกเว็บไซต์บางเว็บได้

 

เดนีส ครีวอชีฟ กล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถสอดแนมและใช้โพสต์บนโซเชียลมีเดียเอาผิด ลงโทษ และจำคุกนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ ความคิดเห็นที่ถูกแสดงออกไปอย่างเสรีกลับกลายมาเป็นหลักฐานทางอาญาในศาล”

 

ในเดือนพฤษภาคม 2559 ซึ่งเกิดการประท้วงรัฐบาลในกรุงอัลมาตี มีผู้ประท้วงถูกควบคุมตัวราว 300-500 คน และมีอีกอย่างน้อย 37 คนที่ถูกควบคุมตัวจากการโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับการประท้วงดังกล่าว ซึ่งรวมถึงมากส์ โบคาเอฟ และ ทัลกาต อายาน ซึ่งเป็นนักโทษทางความคิดของแอมเนสตี้ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าประชาชนจำนวนหนึ่งไม่สามารถเข้าถึงเฟซบุ๊กและกูเกิลได้ ขณะที่บริการวิดีโอออนไลน์อย่างยูทูบและเพอริสโคปถูกบล็อกชั่วคราว

 

“ทางการคาซัคสถานควรยุติการคุกคามโซเชียลมีเดีย นักกิจกรรมเพื่อสิทธิมุษยชนต้องมีความปลอดภัยและอิสรภาพในการใช้โซเชียลมีเดียและอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างความตระหนักรู้ และกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงอย่างมีเหตุผล” เดนีส ครีวอชีฟ กล่าวปิดท้าย

 

แอมเนสตี้เรียกร้องให้ทางการคาซัคสถานคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ตลอดจนพิจารณาแก้ไขกฎหมายที่ปัจจุบันถูกนำมาใช้เพื่อปิดปากหรือเอาผิดผู้ที่เห็นต่าง