photo - Gage Skidmore

การโจมตีของสหรัฐฯ ต่อฐานทัพซีเรีย:
การแสดงออกถึงความกังวลต่อชีวิตพลเรือน
ควรกระตุ้นให้ทรัมป์ปฏิบัติตามพันธกิจที่มีต่อผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย

10 เมษายน 2560

 

มาร์กาเร็ต หวง (Margaret Huang) ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยต่อกรณีการโจมตีทางอากาศของสหรัฐอเมริกาต่อฐานทัพของรัฐบาลซีเรียที่กรุงฮอมส์ (Homs) เมื่อคืนวันที่ 6 เมษายน 2560 สามวันหลังเกิดเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมีซึ่งส่งผลให้พลเรือนกว่า 80 คนเสียชีวิตในจังหวัดอิดลิบ (Idleb) ว่า​

 

“ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นผลมาจากความกังวลที่มีต่อชีวิตของพลเรือนชาวซีเรีย แต่ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลของเขากลับแสดงความเพิกเฉยอย่างสิ้นเชิงต่อชีวิตของชาวซีเรียซึ่งหลบหนีออกจากประเทศ ด้วยเหตุดังกล่าวเขาต้องยกเลิกคำสั่งห้ามประชาชนจากประเทศมุสลิมเดินทางเข้าประเทศ และยกเลิกข้อจำกัดอื่น ๆ ที่มีต่อผู้ลี้ภัยจากซีเรียซึ่งหลบหนีความโหดร้ายที่บ้านเกิดโดยทันที

 

“กองทัพสหรัฐฯ ยังจะต้องยึดมั่นอย่างเคร่งครัดต่อพันธกรณีตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และดำเนินมาตรการที่เป็นไปได้ทั้งปวง เพื่อคุ้มครองชีวิตพลเรือนในระหว่างปฏิบัติการทางทหาร รวมทั้งการห้ามใช้อาวุธที่ต้องห้ามตามกฎหมายระหว่างประเทศ อย่างเช่น ระเบิดลูกปราย การโจมตีทางอากาศครั้งล่าสุดที่นำโดยกองกำลังของสหรัฐฯ และพันธมิตรในอิรักและซีเรียส่งผลให้พลเรือนหลายร้อยคนเสียชีวิต โดยเป็นผู้หญิงและเด็กจำนวนมากที่ติดอยู่ในบ้านของตนเอง

 

“การที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไม่สามารถคุ้มครองชีวิตพลเรือนในซีเรียในช่วงหกปีที่ผ่านมาได้ ส่งผลให้ฝ่ายต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในซีเรียสามารถก่ออาชญากรรมที่โหดร้ายโดยไม่ต้องรับผิด นี่เป็นหน้าที่ของรัฐภาคีที่จะต้องมีมติ เพื่อประกันให้มีการสอบสวนในพื้นที่เกี่ยวกับการโจมตีด้วยอาวุธเคมี ซึ่งเกิดขึ้นที่เขตคานเชคูน (Khan Sheikhoun) และให้นำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการทางอาญา”

 

ร่วมลงชื่อกับเราเรียกร้องให้ UN สืบสวนเหตุกาณ์ในซีเรียอย่างอิสระและเป็นกลาง นำตัวอาชญากรสงครามของทุกฝ่ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อยุติสงครามโดยเร็ว

 

#JusticeForSyria