แอมเนสตี้ชี้ เหตุปะทะอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ

 

16 พฤษภาคม 2561

 

พบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกาซา ขณะนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 52 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกนับพันคน ซึ่งผู้บาดเจ็บกว่า 500 คน ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงด้วยกระสุนจริง โดยส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บช่วงศรีษะและหน้าอก การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่น่ารังเกียจนี้ต้องยุติลงทันที

 

แหล่งข่าวรายงานว่าชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากจากการตอบโต้ของทหารอิสราเอล หลังจากที่ชาวปาเลสไตน์ออกมาประท้วงที่บริเวณรั้วซึ่งกั้นพรหมแดนระหว่างกาซากับอิสราเอลเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

 

 “นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ และการใช้กระสุนจริงของทหารอิสราเอล ซึ่งเป็นการกระทำที่เลวร้ายมาก การกระทำนี้เป็นการกระทำที่ขัดต่อมาตรฐานระหว่างประเทศ เนื่องจากการกระทำที่แสดงออกถึงการจงใจฆ่านั้น เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดอาชญากรรมสงคราม”

 

นายฟิลิป ลูเธอร์ นักวิจัย และผู้อำนวยการประจำสำนักงานภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว

นายฟิลลิปยังได้กล่าวอีกว่า “ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกาซาน่าวิตกอย่างมาก และจากการใช้ความรุนแรงที่มีทีท่าว่าจะควบคุมไม่อยู่ ทางการอิสราเอลต้องควบคุมกองกำลังทหารของตัวเองเดี๋ยวนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้พลเรือนเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บมากไปกว่าที่เป็นอยู่


“เดือนที่แล้ว แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้เรียกร้องไปยังประชาคมโลกให้หยุดส่งอาวุธ และยุทโธปกรณ์ทางทหารให้กับอิสราเอล ตัวเลขผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บที่เพิ่มมากขึ้นในวันนี้บ่งบอกถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการห้ามการเคลื่อนย้ายอาวุธ


“ถึงแม้ว่าผู้ประท้วงจะมีส่วนร่วมในการกระทำที่ก่อให้เกิดความรุนแรง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการใช้กระสุนจริงนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง


“กฎหมายระหว่างประเทศระบุให้ใช้อาวุธปืนได้ในกรณีฉุกเฉินที่สุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเท่านั้น”


รายงานทางการแพทย์ล่าสุดระบุว่าประชาชนจำนวนมากถูกยิงที่ศรีษะ หรือหน้าอก และจากการสำรวจเหตุการณ์ในฉนวนกาซาโดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เมื่อเดือนที่แล้ว พบว่า ทหารอิสราเอลนั้นสังหาร และโจมตีผู้ประท้วงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งๆ ที่ผู้ประท้วงนั้นไม่ได้มีท่าทีคุกคามเลยแม้แต่น้อย