คืนที่ทุ่งทานตะวันร่ำไห้

6 กันยายน 2564

Amnesty International Thailand

เขียนโดย แก้วกานต์

ผลงานจากโครงการ Writers that Matters: นัก(อยาก)เขียน เปลี่ยนโลก 

ในหัวข้อ สิทธิมนุษยชนผ่านมุมมองของฉัน

กว่าจะตื่นลืมตามาพบกับร่างกายของตนเองที่เปลือยเปล่า ล่อนจ้อน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันอยู่ที่ไหนบนโลก กัดฟันกลั้นน้ำตาและเสียงกรีดร้องไว้ในใจ ก่อนที่จะหอบหิ้วร่างกายที่อ่อนล้าเต็มทีออกมาจากขุมนรกนั่น ฉันหวังว่าจะพบกับบ้านใครสักคน หรือรถสักคันที่แล่นผ่านมาทางนี้ แต่ไม่เลย... ฉันหยุดยืนเคว้งคว้างอยู่กลางป่า เบื้องหน้าเป็นทุ่งทานตะวันยืนก้มหน้าร่ำไห้ไว้อาลัยให้กับความบัดซบอย่างพร้อมเพรียง อากาศเย็นยะเยือก แสงดาวส่องประกายสดใสราวกับหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นอยู่ในอก ขณะที่พระจันทร์กำลังยิ้มเยาะ เสียงใครบางคนกำลังวิ่งตามออกมา ฉันวิ่งหนีเข้าไปหาอ้อมกอดทานตะวัน พาชีวิตเฮงซวยนี่ไปหลบลี้หนีให้พ้นจากอมนุษย์นั่น! หวังว่าจะหนีมันไปอย่างนั้นได้ตลอดกาล

 

ฉันลืมตาตื่นอีกครั้งที่โรงพยาบาล สามวัน... สามวันผ่านไป เพื่อนร่วมงานแวะเวียนมามุงดูราวกับเห็นสัตว์แปลกตามงานกาชาด ไม่ใช่เรื่องราวที่เกิดขึ้น ความเจ็บปวดของฉันต่างหากที่เขาอยากเห็น ยิ่งเล่า ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งย้ำยิ่งทรมานเจียนตาย การแจ้งความคือสิ่งที่ทุกคนแนะนำ ฉันทำอย่างนั้น คนเลวต้องได้รับการลงโทษที่สาสม และคนผิดที่มีตราบาปสลักอยู่บนหน้าผากต้องไม่ใช่ฉัน!

 

แต่การรักษานั้นทั้งช่วยเยียวยาและทิ่มแทงไปพร้อม ๆ กัน ฉันเล่าเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ฉายภาพความอำมหิตของเดนมนุษย์นั่นทุกวัน พยาบาล... จิตแพทย์... ตำรวจ... ฉันมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องความยุติธรรม ฉันมีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเอง ซึ่งการปกป้องตัวเองที่ว่านั่นก็ทำให้ฉันพาตัวเองกระโดดลงมาจากตึกของโรงพยาบาล พาฉันกลืนกินยาสารพัดให้มันกัดกินความเจ็บปวดก่อนที่มันจะกลืนกินฉัน นี่คือการปกป้องตัวเอง... จากความเจ็บปวด ร้าวราน...

 

ฉันถูกจัดลำดับให้อยู่ในสปีชีส์ของคนบ้า ว้าเหว่ อ้างว้างอยู่ในตึกที่ล้อมรอบไปด้วยลูกกรง มันไม่ใช่คุก ถึงแม้ว่าจะคล้ายกันจนแยกไม่ออก ในที่ที่ใครต่อใครเรียกมันว่า “โรงบาลบ้า” ใครบางคนกำลังนั่งร่ำไห้โหยหาอ้อมกอด ใครบางคนก่นด่าสารพัดให้กับผัวเฮงซวยที่ตบตีจนชาวบ้านคิดว่าเธอเสียสติ สาวนักศึกษาเพิ่งจบใหม่ถูกพ่อบังคับให้เป็นครูในโรงเรียนเอกชนชื่อดังทั้ง ๆ ที่ความฝันของเธอคือการเดินทางไปสำรวจหาสะเก็ดความสุขที่กระจัดกระจายอยู่ทุกมุมโลก หญิงชราคร่ำครวญหาศพตัวเอง มันน่ารำคาญที่สุดในเวลาที่ฉันต้องการความสงบแต่ต้องมาทนฟังมนุษย์ป้าตามหาศพตัวเอง ก่อนที่จะนึกอะไรบางอย่างได้ หรือแท้จริงแล้วเราทุกคนต่างเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่หลงลืมและถูกหลงลืมอยู่ในตึกที่ล้อมด้วยลูกกรงนี่ ฉันเองก็ตามหา ไม่ใช่ศพหรอกที่หา ความสุขและความเป็นมนุษย์ต่างหากที่ฉันอยากได้คืน

 

กว่าจะดำเนินคดีแต่ละขั้นตอนไปได้ช่างยากเย็นเข็ญใจ บางครั้งฉันถึงกับกรีดร้องลั่นในห้องที่เต็มไปด้วยผู้คน บางทีก็วิ่งหนีความจริงออกมาทั้งน้ำตา ความยุติธรรมนั้นเจ็บปวดเกินไป เจ็บปวดราวกับการจรดมีดกรีดลึกลงไปในใจ ฉันยอมแพ้…

 

เรื่องราวเลือนหายไปตามกาลเวลา ผู้คนอาจจะหลงลืมไปว่าอะไรที่สร้างตัวประหลาดอย่างฉัน เขาเห็นเพียงปีศาจที่ต้องกินยาจิตเวชเพื่อเยียวยาพลังชีวิตให้กับมัน เดียวดาย อ้างว้าง รู้สึกตัวเล็กจ้อยทั้ง ๆ ที่น้ำหนักตัวเกินครึ่งร้อย พวกเขาหลงลืมความเจ็บปวดที่พวกเขาอยากเห็นนักหนานั่นไปหมดแล้ว

 

ฉันยังคงเป็นมนุษย์ที่มีอวัยวะครบสามสิบสองประการเหมือนทุกคน ยังมีความรู้สึกนึกคิดมีหัวจิตหัวใจ บางทีพวกเขาอาจหลงลืมความจริงข้อนี้ สายตาสมเพชเวทนาถาโถมมาเช่นเดียวกับตอนที่มันเห็นลูกหมาที่ตากฝน อ่อนล้าหนาวสั่น นอกจากสิทธิ์ในการครอบครองร่างกายนี่ คนอย่างฉันมีสิทธิ์ที่จะมีความสุขไหม?

 

คล้ายเป็นคำสาปรูปสายฟ้าที่ติดอยู่บนหน้าผากของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เรื่องราวของฉันถูกผลิตซ้ำ ดัดแปลง ราวกับ
นวนิยายขายดีที่นางเอกกร้านโลกแต่งตัวยั่วยวนหลอกล่อผู้ชายให้มาติดกับ ชายหนุ่มหมุนเวียนเปลี่ยนไปมากหน้าหลายตา คงมีเพียงดอกทานตะวัน พระจันทร์ และดวงดาวที่จะรู้ว่า ในคืนที่ทุ่งทานตะวันก้มหน้าร่ำไห้ ฉันใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ถุงเท้า และรองเท้าผ้าใบ แต่ทั้งสามอย่างที่ว่ามานั้นก็ไม่ได้มีปากที่จะบอกใครต่อใครได้ว่า ฉันไม่ได้เป็นอย่างนวนิยายน้ำเน่าที่เขาเล่ากันปากต่อปากนั่น!

 

ฉันลาออกจากงานเพื่อรักษาอาการซึมเศร้าอยู่แรมปี ขอเรียนให้ทราบตามตรงว่าสวัสดิการใด ๆ ในโลกก็ไม่เพียงพอที่จะรักษาตัว ค่ายา ค่าหมอ สารพัดสิ่งที่ไร้ซึ่งการเยียวยา โดยเฉพาะสวัสดิภาพความปลอดภัยในชีวิตที่ฉันควรจะมีตั้งแต่แรกที่มันกลับถูกลักพาตัวไปราวกับว่าไม่เคยมีอยู่บนโลกง่อนแง่นใบนี้ ความสุขพรากหาย... รอยยิ้มพรากหาย...
บ้าบอ! หากโลกประสงค์จะพรากทุกสิ่งให้หายไปจากชีวิตที่แสนจะแหว่งวิ่นนี้ โปรดพรากลมหายใจของฉันไปด้วย

 

เรื่องราวอาจเป็นเพียงเรื่องเล่าของเหยื่อคนหนึ่ง แค่คนหนึ่งคนที่เจ็บปวดแต่มีอะไรที่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันสมควรได้รับ หากจะพอระลึกได้ โปรดรู้ไว้ว่าโลกนี้มี “เหยื่อ” อยู่ทั่วทุกมุมโลก ทุกนาที ทุกวินาที ในนามของผู้ถูกกระทำฉันขอขอบคุณความเข้าใจ ความเมตตา และความหวังดีอย่างหาที่สุดมิได้ แต่จะดีไม่น้อยถ้าจะกรุณาให้เกียรติฉันในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่เสมอกัน มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ ร่างกาย หัวใจ และความรู้สึก ฉันไม่ได้อยากเป็นเหยื่อ ฉันเกลียดความเศร้า
ฉันแค่อยากเป็นแค่ฉัน... คนธรรมดาที่ “มีสิทธิ์” จะมีความสุข

 

ขอรับรองว่าเป็นเรื่องจริง

 

แก้วกานต์