เพราะวัคซีนที่ดีมีคุณภาพควรมีให้สำหรับทุกคน

13 พฤษภาคม 2564

Amnesty International Thailand

เรื่องและภาพโดย สิทธิศักดิ์ บุญมั่น และวิชัย ตาดไธสงค์

การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่กระจายไปทั่วโลกตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 จนทำให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 150 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 3 ล้านราย เป็นผลให้นานาประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนัก ระบบเศรษฐกิจที่ต้องหยุดชะงักจากที่ประชาชนไม่สามารถออกมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ธุรกิจหลายอย่างทั้งน้อยใหญ่ต่างต้องปิดตัวลง เพราะไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มีอยู่ทุกวันแต่ไม่มีรายรับได้ เมื่อระบบเศรษฐกิจโลกต้องตกอยู่ในภาวะที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤต วัคซีนป้องกันโควิด-19 จึงเป็นหนทางและความหวังเดียวในขณะนี้ ที่จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้

 

ทำไมเราถึงต้องรับวัคซีน?

ในช่วงเวลาที่การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีผู้คนล้มตายจำนวนมาก และส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบเศรษฐกิจโลก จนถือได้ว่าเป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่มวลมนุษยชาติต้องพบเจอ เพราะโควิด-19 เป็นเชื้อไวรัสชนิดใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกของเรามาก่อน และสามารถแพร่กระจายได้โดยง่ายผ่านสารคัดหลั่งที่อยู่ในร่างกายของคน และจะส่งผลโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ทำได้เพียงการรักษาตามอาการ ยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ วัคซีนป้องกันจึงเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19

เพราะข้อจำกัดของร่างกายมนุษย์ที่ไม่สามารถต้านทานผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการติดเชื้อโควิด-19 หากได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันก็จะสามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการป่วยและลดอัตราการเสียชีวิตลง ซึ่งไม่เพียงแต่การฉีดวัคซีนจะช่วยลดความเสียหายทางร่างกายเท่านั้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจก็จะสามารถกลับมาฟื้นฟูได้อีกครั้ง เมื่อทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ สถานการณ์ความเลวร้ายก็จะเริ่มคลี่คลายไปในที่สุด

 

ตอนนี้มีวัคซีนของอะไรบ้าง?

ในปี 2021 มีบริษัทหรือวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติและสามารถใช้ได้แล้วในหลายประเทศ ซึ่งเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้กับประชาชนในการเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยรายชื่อวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติดังนี้ 

  • BNT162b2 ผลิตโดยบริษัท Pfizer-BioNTech จากประเทศสหรัฐอเมริกา

  • mRNA-1273 ผลิตโดยบริษัท Moderna จากประเทศสหรัฐอเมริกา

  • AZD1222 ผลิตโดยบริษัท Oxford-AstraZeneca จากประเทศอังกฤษ

  • Coronavac ผลิตโดยบริษัท Sinovac จากประเทศจีน

  • BBIBP-CorV ผลิตโดยบริษัท Sinopharm จากประเทศจีน

  • BBV152 (Covaxin) ผลิตโดยบริษัท Bharat จากประเทศอินเดีย

  • Sputnik V ผลิตโดยบริษัท Gamaleya จากประเทศรัสเซีย

  • JNJ-78436735 ผลิตโดยบริษัท Johnson & Johnson จากประเทศสหรัฐอเมริกา

  • NVX-CoV2373 ผลิตโดยบริษัท Novavax จากประเทศสหรัฐอเมริกา

  • Convidicea  ผลิตโดยบริษัท Cansino Biologics จากประเทศจีน

โดยข้อมูลกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าขณะนี้จำนวนของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ประเทศไทยมี ได้แก่ วัคซีน CoronaVac จำนวน 5,500,000 โดส และ วัคซีน Oxford-AstraZeneca จำนวน 117,000 โดส นอกจากนี้ประเทศไทยยังรอให้ บริษัทสยามไบโอไซเอนส์ จำกัด และบริษัทในพระปรมาภิไธย ผลิตวัคซีนและส่งมอบวัคซีน Oxford-AstraZeneca จำนวน 61 ล้านโดส ซึ่งหากรวมทั้งหมดแล้ว ขณะนี้ประเทศไทยมีจำนวนของวัคซีนอยู่ที่ 66,617,000 โดส สำหรับ 33,308,500 คน คิดเป็นร้อยละ 50 ของจำนวนประชากรทั่วประเทศ

 

สถานการณ์โควิด-19 ในไทย

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยนับได้ว่าเข้าขั้นร้ายแรง เพราะจำนวนของผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และแผ่วงกว้างไปในหลายจังหวัด โดยล่าสุดวันที่ 9 พฤษภาคม 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้เปิดเผยข้อมูลของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศอยู่ที่ 2,086 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 17 ศพ ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 399 ศพ ยอดผู้ป่วยสะสม 83,375 ราย ทั้งนี้รัฐบาลได้กำหนดให้มีพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้มโควิด จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานครฯ ชลบุรี นนทบุรี เชียงใหม่ ปทุมธานี และสมุทรปราการ เนื่องจากเป็นกลุ่มจังหวัดเสี่ยงที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ซึ่งหากมองในภาพรวม สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยก็ยังคงเป็นที่น่าเป็นห่วง

 

สิทธิการได้รับวัคซีน = สิทธิมนุษยชน

ตามหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนข้อที่ 25 คุณภาพชีวิตที่ดี “ทุกคนมีสิทธิในมาตรฐานการครองชีพอันเพียงพอสำหรับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของตนและครอบครัว รวมทั้ง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยการดูแลรักษาทางแพทย์ และบริการ”

การได้รับการฉีดวัคซีนได้อย่างอิสระเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นในทุกประเทศ เพราะถือว่าการฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในหนทางที่จะทำให้เราสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้โดยไม่ต้องกังวล และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข หากแต่การต้องจำใจฉีดวัคซีนโดยที่ตนไม่สามารถเลือกชนิดได้นั้นก็เปรียบเสมือนกับประชาชนถูกมัดมือชก ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากรอชะตากรรมของตนที่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร

ดังนั้นแล้วรัฐบาลควรทำหน้าที่ในการปกป้องประชาชนของตนให้ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียม ไม่ควรมีใครถูกเลือกปฏิบัติเพียงเพราะพวกเขาไม่ได้มีหน้ามีตาทางสังคม เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีความเป็นคนเท่าเทียมกัน เพราะยังคงมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถเข้าถึงการสวัสดิการขั้นพื้นฐาน

ที่มา : https://www.praram9.com/covid19-vaccine/#Section3 

https://news.thaipbs.or.th/content/304039 

https://www.thairath.co.th/news/politic/2085646