BULLY : การละเมิดสิทธิเพียงแค่เพราะ ความเคยชิน” 

3 มีนาคม 2563

Amnesty International Thailand

โดย Arnon Wachirapairot และ Phatchanon Ekarattanavet

นักศึกษาฝึกงาน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

ทุกวันนี้เราจะเห็นว่าการกลั่นแกล้งมีอยุ่มากมายในทุกที่ ซึ่งกลายมาเป็นคำเรียกที่รู้จักกันว่า “บูลลี่” 

บางคนมองว่าปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก แต่สำหรับอีกหลายๆ คนมองว่าเป็นภัยใกล้ตัวที่เราต้องรีบแก้ไข เพราะว่าการบูลลี่อาจจะส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวต่อสังคมรอบข้าง และยังสามารถนำไปสู่ปัญหาการใช้ชีวิตวัยผู้ใหญ่ได้ นอกจากนี้การบูลลี่อาจเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้อื่นได้เช่นกัน 

มาดูกันว่า การบูลลี่แท้จริงแล้วมันคืออะไร? เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนอย่างไร? และเราจะสามารถรับมือหรือแก้ไขปัญหาการบูลลี่นี้ได้อย่างไร?

 

บูลลี่ คืออะไร?

bully02.jpg

ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำพูดหรือการแสดงท่าทางที่รุนแรงด้วยความตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม หากสิ่งนั้นส่งผลกระทบให้เกิดความเจ็บปวดทั้งทางกายและจิตใจจนทำให้พวกเขารู้สึกด้อยคุณค่า มันคือ “การบูลลี่” ทั้งนั้น

ในสังคมเราจะเห็นว่ามีการบบูลลี่กันหลายเรื่อง เช่น รูปร่างหน้าตา สีผิว รสนิยม เชื้อชาติ ศาสนา ค่านิยม อายุ ทัศนคติหรือสถานะทางสังคม ซึ่งปัจจุบันทางกรมสุขภาพจิตได้แบ่งประเภทของการบูลลี่ออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ คือ

 

  1. ทางร่างกาย เช่น การชกต่อย การตบตี จนทำให้เกิดความเสียหายและเจ็บปวดต่อร่างกาย
  2. ทางสังคมหรือด้านอารมณ์ เช่น การกดดัน การยั่วยุ การแบ่งแยกให้ออกจากลุ่มจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ
  3. ทางวาจา เช่น การพูดจาเหยียดหยาม การดูหมิ่น การด่าทอ การดูถูก การนินทา การโกหกจนทำให้รู้สึกเจ็บปวด
  4. ไซเบอร์บูลลี่ (Cyberbullying) เป็นการกลั่นแกล้งกันผ่านโลกออนไลน์และเป็นการกระทำที่แพร่หลายมากในปัจจุบัน เช่น การโพสข้อความโจมตีบนสื่อเฟซบุ๊ก การหลอกลวง การส่งข้อความคุกคามทางเพศ ใช้ถ้อยคำหยาบคายจนทำให้อีกฝ่ายอับอายและรู้สึกเจ็บปวด 

 

ดังนั้นการบูลลี่จึงเกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่โรงเรียน ที่ทำงาน พื้นที่สาธารณะหรือบนสื่อออนไลน์ ยิ่งพวกเรากระทำสิ่งนี้ด้วย “ความเคยชิน” มากเท่าไร ผลกระทบที่ตามมาก็มีแต่จะเพิ่มและรุนแรงขึ้นเท่านั้น 

 

 

บูลลี่ กับ สิทธิมนุษยชน?

bully03.0.jpg

การบูลลี่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เราทุกคนต่างกระทำสิ่งนี้ด้วย “ความเคยชิน” โดยตั้งแต่ยังเด็กก็มีการหยอกล้อหรือแกล้งกันตามประสาของเด็กที่ไร้เดียงสา พอโตมาอีกระดับหนึ่งที่เริ่มมีความรู้มากขึ้น ทำให้การบูลลี่นั้นค่อย ๆ รุนแรงขึ้นถึงขั้นทำให้เกิดการสูญเสีย แม้ว่ามันจะรุนแรงแค่ไหนเราต่างก็ทำมันเพราะคิดว่ามันสนุกและเคยชินกับมัน 

ในด้านสิทธิมนุษยชน หากนำเรื่องของการบูลลี่มาเทียบกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน หรือ Universal Declaration Human Rights (UDHR) ซึ่งเป็นหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน30 ข้อ ที่มีขึ้นเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนทั่วโลก เราจะมองเห็นว่าการบูลลี่นั้นเป็นเรื่องของการละเมิดสิทธิของผู้อื่นได้ด้วยเช่นกัน

มาดูกันว่า การบูลลี่ได้ทำการละเมิดสิทธิในข้อไหนกันบ้างในหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพนพื้นฐาน 30 ข้อนี้

 

ข้อที่ เราทุกคนเกิดมามีสิทธิ ศักดิ์ศรี เท่าเทียมกัน มีอิสระและเสมอภาค


bully03.1.jpg

ทุกคนต่างเกิดมาจากพื้นที่ที่แตกต่างกัน บางคนเกิดมาอยู่ในฐานะที่ดี แต่กับบางคนอาจจะเกิดมาอยู่ในฐานะที่ไม่ดีหรือสูญเสียสิ่งสำคัญไปตั้งแต่กำเนิด แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือ “ความเป็นมนุษย์” ทุกคนล้วนอาศัยอยู่บนโลกร่วมกัน เพราะฉะนั้น ทุกคนล้วนมีสิทธิที่จะได้รับในสิ่งที่ต้องการ ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับชีวิตที่ดีขึ้น ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกัน ทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรม ทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นต่อสิ่งที่ถูกต้อง และทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกใช้ชีวิตของตัวเองได้โดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน

 

ข้อที่ เราทุกคนต้องไม่ถูกเลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดก็ตาม

bully03.2.jpg

คนที่มีลักษณะที่แตกต่างจากคนอื่น เช่น คนที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกาย คนที่มีบุคคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ หรือมีทัศนคติที่ไม่เหมือนใคร ด้วยความที่พวกเขาแตกต่างจากบริบทสังคมอาจทำให้ผู้คนรอบข้างกีดกั้นโอกาสของพวก หรืออาจจะผลักพวกเขาให้อยู่ในสังคมอย่างโดดเดี่ยวเพียงแค่เพราะว่าพวกเขานั้นแตกต่าง พวกเขาควรจะมีสิทธิและเสรีภาพที่จะได้อยู่ร่วมกับคนอื่นๆในสังคม ดังนั้นเราควรที่เปิดใจในการยอมรับความแตกต่างของพวกเขาเพราะพวกเขาอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทิศทางที่เราคาดไม่ถึง

 

ข้อที่ 18 เราทุกคนมีเสรีภาพที่จะเลือกนับถือศาสนา

bully03.4.jpg

ในระดับของช่วงวัยเรียน จะเห็นชัดเจนเลยว่ามีการหยอกล้อกันเรื่องของศาสนาค่อนข้างเยอะพอสมควรเพราะเพราะด้วยหลักปฏิบัติที่แตกต่างกัน บางคนมองเป็นเรื่องสนุกและหยิบมาล้อกันโดยไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาอะไร แต่สำหรับบางคน การเหยียดศาสนานั้นเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากสำหรับพวกเขา เพราะการที่ทุกคนมองว่าการปฏิบัติตามหลักศาสนาของเขาเป็นเรื่องตลกทำให้ผู้พวกเขารู้สึกไม่ดีแถมอาจจะพาลไม่ชอบคนที่มาว่าพวกเขาด้วย ดังนั้น ไม่ว่าใครจะนับถือศาสนาใดก็ตาม เราควรที่จะเคารพซึ่งกันและกันเพราะทุกคนต่างมีสิทธิที่จะนับถือไม่ว่าจะศาสนาใดก็ตาม

 

ข้อที่ 19 เราทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น

bully03.5.jpg

สิ่งหนึ่งสำหรับคนในประเทศไทยที่ยังคงมีกันน้อยอยู่ก็คือ “การแสดงออก” ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่กล้าหรือกลัว แต่เป็นเพราะสังคมรอบข้างทำให้พวกเขาไม่อยากนำเสนอหรือแสดงออกในสิ่งที่แตกต่างไปจากความรู้เดิมหรือบริบทสังคมเดิม พวกเขาถูกกีดกั้นทางความคิดเพียงแค่เพราะคนรอบข้างบอกว่ามันผิด หรือบางครั้งก็ถึงขั้นสั่งให้พวกเขาหยุดคิดและหยุดพูดในสิ่งที่พวกเขานำเสนอเพราะสังคมมองว่ามันเป็นเรื่องที่ “ไม่ถูกต้อง” ตามความคิดและความเชื่อของคนส่วนใหญ่ จึงถือว่าเป็นอีกอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาถูกละเมิดไป อย่างไรก็ตามทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงออกและแสดงความคิดเห็นตราบใดที่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เป็นการทำให้เกิดความเกลียดชัง (Hate Speech) หรือยุยงให้้เกิดความแตกแยกในสังคม พวกเราควรที่จะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างเพราะบางอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตหรือชีวิตประจำวันของเราได้เลย

 

ข้อที่ 29 เราทุกคนมีหน้าที่ต่อส่วนรวมและเคารพสิทธิของผู้อื่น

bully03.6.jpg

เมื่อเรารู้ว่าตัวเราเองนั้นมีสิทธิและเสรีภาพบนโลกใบนี้ เราก็ต้องไม่ลืมที่จะเคารพสิทธิของผู้อื่นด้วยเช่นกัน บางครั้งเราใช้สิทธิและเสรีภาพมากเกินไปโดยที่ไม่สนใจว่าจะเป็นอย่างไร จนทำให้เข้าข่ายของการบูลลี่ที่ส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อผู้คนรอบข้างและละเมิดสิทธิของผู้อื่นได้ ดังนั้นเราควรใช้สิทธิและเสรีภาพของตนในขอบเขตที่พอเหมาะและสมควร

 

วิธีแก้ไขและรับมือกับการบูลลี่

bully04.0.jpg

หลายครั้งที่การบูลลี่เกิดขึ้นเพียงเพราะความสนุกชั่ววูบ ความโกรธชั่วคราว หรือเป็นเพียงการตัดสินใจชั่วขณะ แต่ผลที่ตามมาอาจมีมากกว่านั้นและอาจจะส่งผลที่ไม่ดีในระยะยาวต่อผู้ถูกกระทำ ดังนั้นการรู้จักวิธีการรับมือกับการบูลลี่อาจช่วยหลีกเลี่ยงหรือบรรเทาความเจ็บปวดทั้งทางกาย และทางจิตใจ ดังนี้

 

1. อย่าคิดว่าปัญหาเกิดจากตัวเรา

bully04.1.jpg

การมีอัตลักษณ์ที่ต่างจากผู้อื่น เช่น เพศสภาพ เชื้อชาติ รูปร่างหน้าตา สีผิว ไม่ใช่ความผิดของผู้ถูกบูลลี่เลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะทัศนคติของผู้ที่บูลลี่คนอื่นต่างหาก สิ่งสำคัญคือการปรับเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองของตนเองก่อนเป็นอันดับแรก หากมีคนรู้จักของคุณเป็นผู้ถูกกระทำ  จงบอกเขาว่า ไม่ได้ทำอะไรผิดอะไร แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวผู้กระทำ (บูลลี่) เองต่างหาก

 

2. ใช้ความนิ่งสยบการบูลลี่และตอบโต้อย่างสุภาพ

bully04.2.jpg

การนิ่งเฉยต่อการกลั่นแกล้งช่วยให้เรื่องการกลั่นแกล้งยุติอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้กระทำจะมีเจตนาให้เหยื่อตอบโต้ เพื่อสร้างความรุนแรง ความสะใจ แต่เมื่อผู้ถูกกระทำเลือกที่จะนิ่งเฉย ผู้ลงมือกลั่นแกล้งอาจรู้สึกเบื่อและเลิกทำไปเองในที่สุด หลายครั้งที่ปัญหาการกลั่นแกล้งเกิดขึ้นกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ถูกกระทำไม่กล้าที่จะพูด หรือแสดงความไม่พอใจออกมา เราต้องตอบโต้อย่างสุภาพด้วยคำพูดและการแสดงออกว่าไม่ได้รู้สึกสนุก ไม่ชอบการกระทำ รวมถึงวาจาต่างๆ และใช้ความนิ่งสยบการกลั่นแกล้ง

 

3. โดนแกล้งต้องรีบบอกครู ผู้ปกครองหรือพูดคุยกับเพื่อนร่วมชะตากรรม

bully04.3.jpg

ปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียน มักเกิดจากผู้ถูกกลั่นแกล้งไม่ได้บอกให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครูได้รับทราบ จึงทำให้ปัญหาการกลั่นแกล้งยังคงเกิดขึ้นและไม่ได้รับการแก้ไขที่ตรงจุด ทั้งนี้การอยู่คนเดียวไม่สามารถแก้ปัญหา อีกทั้งยังทำให้สถานการณ์แย่ลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครู ที่จะคอยสอดส่องดูแลพฤติกรรมและอารมณ์ของเด็กๆ ไม่ให้ตกอยู่ในภาวะเงียบหรือปลีกตัวมาอยู่คนเดียวโดยลำพัง รวมทั้งปรึกษากับทางโรงเรียนถึงนโยบายการจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะปัญหาการถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนต้องได้รับความร่วมมือจากทุกส่วนเพื่อหาวิธีการรับมือ การสนับสนุนเพื่อฟื้นฟูจิตใจของเด็ก และหาวิธีการแก้ไขปัญหาร่วมกัน

 

4. เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม

bully04.4.jpg

การกลั่นแกล้งนั้นสามารถสร้างบาดแผลและปมในใจให้กับผู้ถูกกระทำ และสามารถส่งผลต่อสภาพร่างกายได้ เช่น การเบื่ออาหาร เครียดจนนอนไม่หลับ เป็นต้น ซึ่งสุขภาพคือสิ่งสำคัญที่เราควรใส่ใจ และต้องหาวิธีกำจัดความเครียดเพื่อช่วยลดความเครียด หรือต้องเปลี่ยนสถานที่ สภาพแวดล้อมที่เคยอยู่ เพื่อจัดการกับความเครียดของตนเอง รวมถึงเลือกที่จะใช้ชีวิตในสังคมสิ่งแวดล้อมที่ดี เหมาะสมกับตัวเอง ปิดรับเรื่องราวทางโซเชียลบ้าง และข้อสำคัญ หากหาทางออกไม่ได้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม

 

5. ปรึกษานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์

bully04.5.jpg

หลายครั้งที่การกลั่นแกล้งได้ถูกล้ำเส้นเหยื่อจนกัดกินจิตใจ สร้างบาดแผลมานานจนกระทบต่อสภาพร่างกายและจิตใจจนผู้ถูกกระทำไม่สามารถอยู่ในสังคมต่อไปได้ บางกรณีอาจกลายเป็นความเครียด ปลีกตัวจากสังคม ไปจนถึงขั้นเก็บกด เป็นโรคซึมเศร้า และจบลงด้วยการฆ่าตัวตาย ดังนั้นเพื่อช่วยในการแก้ปัญหาได้อย่างดีและตรงจุดที่สุดคือการพบผู้เชี่ยวชาญไม่ว่าจะเป็นนักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ เพื่อปรึกษา ทำการรักษาอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ  

 

6. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

bully04.6.jpg

รู้หรือไม่? ในบางสถานการณ์การกลั่นแกล้งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หากว่าผู้ถูกกระทำถูกกลั่นแกล้งทางร่างกายหรือทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำพูด เชื้อชาติหรือเพศสภาพ ใช้กำลังและความรุนแรงรังแกผู้อื่น หรือแม้แต่การแชร์เรื่องส่วนตัวของผู้อื่นในอินเทอร์เน็ต เช่น ปล่อยคลิป หรือการสร้างข่าวลือ ล้วนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น หากว่ามีการพบเจอการกลั่นแกล้งที่รุนแรงเช่นนี้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูสามารถรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายได้ ตามความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 293 ผู้ใดช่วยหรือยุยงเด็กอายุยังไม่เกิน 16 ปีที่ไม่สามารถเข้าใจว่าการกระทำของตนมีสภาพหรือสาระสำคัญอย่างไร หรือทำให้ตนเองดูด้อยค่า จนไปถึงการฆ่าตัวตาย มีโทษต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และตามมาตรา 14 (4) ของ พ.ร.บ. คอม นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ มีความผิดสูงสุด ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ  

 bully05 end.jpg

แม้การบูลลี่อาจจะดูเป็นการกระทำเล็กๆในสายตาของใครบางคนแต่อาจสร้างบาดแผลให้กับผู้ที่ถูกบูลลี่ได้ และนอจากนี้ยังเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ในเรื่องของความเท่าเทียม ความเสมอภาค ความหลากหลายและการแสดงออก

“การบูลลี่อาจสร้างความบันเทิงให้กับผู้กระทำ แต่อาจเป็นบาดแผลฉกรรจ์ให้กับผู้ถูกกระทำไปทั้งชีวิต””

แล้วคุณล่ะ ถ้าหากคุณกำลังทำการบูลลี่ใครสักคนอยู่ คุณจะยังคงทำเหมือนเดิมโดยไม่รับรู้ถึงปัญหา หรือจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง? แล้วสำหรับคนที่ถูกกระทำอยู่ คุณจะมีวิธีเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้อย่างไร?

ใครมีมุมมองหรือความคิดเห็นที่แตกต่าง สามารถคอมเม้นต์บอกกันได้นะครับ

--------------------------------------------------------------------------------

 

อ้างอิง  

https://www.sanook.com/health/18825/

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/859102

https://www.samitivejhospitals.com/th/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD-bully/

https://www.pobpad.com/bully-%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9C

https://teen.mthai.com/variety/164232.html