บล็อก : ระยะของภาพที่เราได้มองเห็น
24 ธันวาคม 2562
เขียนโดย ธนกฤต กฤษณยรรยง สมาชิกแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
AMNESTY PRESS TOUR ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู
1. หนองบัวลำภู
ภายนอก / กลางวัน
“ตั้งแต่เริ่มคัดค้านจนถึงตอนนี้มีผู้นำเสียชีวิตไปแล้ว 4 คน และบริษัทเอกชนก็มีความขัดแย้งกับชาวบ้านมา ตลอด หากต้องการลดความขัดแย้ง ควรยกเลิกสัมปทานแล้วเริ่มใหม่ ...”
ประโยคบอกเล่าของของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่นั่งอยู่บนโต๊ะวงเสวนา เขาเป็นประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชน เขาเหล่าใหญ่-ผาจันไดคนปัจจุบัน นอกจากเขายังมีตัวแทนจากหลายฝ่ายที่เป็นตัวละครสำคัญในวงสนทนาในการหา ทางออก ร่วมของความขัดแย้ง ที่เป็นทั้งตัวแทนฝ่ายชาวบ้าน ฝ่ายรัฐ ถ้าในวงสนทนานี้จะขาดตัวละครสำคัญไปก็คง เป็นฝั่งผู้ประกอบการที่เป็นคู่ขัดแย้งของชาวบ้านโดยตรงในพื้นที่แห่งนี้
“รับน้ำไหมค่ะ”
ป้าชาวบ้านคนหนึ่งในพื้นที่ แกเดินนำน้ำแจกให้ผู้เข้าร่วมวงเสวนาได้ดื่มคลายร้อนจากไออุ่นแดดช่วงใกล้เวลา เที่ยงวันของช่วงต้นฤดูหนาวในอีสาน แดดตอนกลางวันยังร้อนเสมอ
“ขอบคุณครับ”
เรารับน้ำจากแกมาเปิดดื่มไปอึกใหญ่ ก่อนจะหยิบกล้องมาเล็งภาพชาวบ้านผู้นั่งอยู่ห่างจากเราประมาณสาม เมตร ชาวบ้านผู้อาศัยอยู่ ณ ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู อันเป็นภาพระยะไกลเหลือเกินที่ เราจะมองเห็นได้ในเวลาปกติจากกรุงเทพ
2. สนามบินดอนเมือง
ภายใน / เช้ามืด
“เที่ยวบินเอสแอล หกศูนย์ศูนย์ ที่จะทำการเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองสู่ท่าอากาศยาน นานาชาติอุดรธานี ”
เสียงเรียกเตือนผู้โดยสารให้ทำการเตรียมตัวไปเข้าแถวเพื่อเดินทางขึ้นเครื่องบินประกาศดังขึ้น เรายกกระเป๋า พลางนำแก้วกาแฟกระดาษที่ปราศจากกาแฟในนั้นแล้วไปทิ้ง เรามองไปรอบ ๆ ตัวเอง พอจะคาดเดาเพื่อนร่วมทางที่ จะไปจุดหมายปลายทางในการเดินทางครั้งนี้ได้ บางคนเป็นสื่อมวลชนที่เราได้กดติดตามอ่านบทความผ่านโซเชี่ยล มีเดีย บางคนเป็นช่างภาพที่เราเคยซื้อหนังสือภาพของเขามาชม บางคนเป็นคนทำหนังสารคดีที่เราชอบ(หนัง) บาง คนเป็นเฟรนด์ในเฟซบุ๊คที่ไม่เคยสนทนาและพบเจอหน้ากันโดยตรงมาก่อน
“สวัสดีค่ะ ที่นั่งจะอยู่ตรงกลางแถวทางซ้ายมือนะคะ”
แอร์โฮสเตสไหว้สวัสดีพร้อมบอกทางไปที่นั่งของเรา เมื่อเรานำกระเป๋าสะพายหลังใส่ในช่องเก็บเแล้ว เราจึงมา นั่งมองวิวข้างนอกเครื่องบิน เรารอชมภาพเบื้องล่างช่วงเวลาที่เครื่องบินเทคออฟ ห้วงขณะนั้นภาพมุมสูงทำให้เราเห็น ถึงความแตกต่างของสถานที่ในแต่ละเมืองที่เราบินจากขึ้นมา สักพักเราก็อยู่เหนือมวลเมฆบนเส้นทางมุ่งหน้าสู่อุดรธานี ท่ามกลางเมฆบดบังพื้นดินด้านล่างนั้น เรากำลังจินตนาการถึงภาพปลายทางที่แท้จริงของการเดินทางครั้งนี้ ที่ตำบล ดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู
“สวัสดีครับ นี่กัปตันในเที่ยวบินเอสแอล หกศูนย์ศูนย์ เรากำลังทำการลดระดับการบินลง เพื่อลงจอดที่ท่า อากาศยานนานาชาติอุดรธานี”
สิ้นเสียงกัปตันนักบิน สักพักหนึ่งเครื่องบินก็ได้ทำการลงจอด ห้วงขณะที่เครื่องลงจอดภาพวิวด้านนอกได้เปลี่ยน สภาพจากที่เราจากมา ตึกสูง แสงไฟระยิบระยับของเมืองไม่มีอีกแล้ว มีเพียงภาพภูมิศาสตร์ของดินแดนตะวันออก เฉียงเหนือที่ขณะนี้แสงอาทิตย์กำลังปาดแสงเหลืองทองอร่ามลง
เมื่อออกมาประตูทางออกของเทอร์มินอล เหล่าผู้ร่วมเดินทางได้ออกมายืนรวมกันตรงจุดนัดพบที่มีกระดาษ เขียนต้อนรับขององค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
3. กรุงเทพ
ภายใน / กลางคืน
“วันที่ 27 - 28 เดือนนี้ แอมเนสตี้จะพานักข่าวลงพื้นที่ที่จังหวัดหนองบัวลำภูครับ เป็นโครงการที่เรียกว่า Press tour พาสื่อลงพื้นที่ที่มีการละเมิดสิทธิ เจอชาวบ้าน ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ทางแอมเนสตี้มีโควต้าให้สมา ชิกไปสองคน เราเลยอยากจะสอบถามคุณโฟ่ครับว่าสนใจไหม เเละเห็นคุณโฟ่ก็ทำงานด้านสื่อเหมือนกันครับ”
เสียงไลน์ดังเตือนบอกข้อความข้างต้นในระหว่างที่เรานั่งเคลียร์งานบริษัทในช่วงท้ายปี
“หนองบัวลำภู”
เราหยุดพิมพ์งานนั่งระลึกอีสานในความทรงจำของตัวเราเองในสมััยยังเป็นนักศึกษาแถบรังสิต นครนายกอยู่
..........
“มันต้องร้อนแน่ ๆ เอาเสื้อไปไม่กี่ตัวก็พอมั้ง จะได้พกกระเป๋าเป้ไปใบเดียวพอ”
เราหารือกับเพื่อนที่เป็นนักศึกษาฝึกงานด้วยกัน แน่นอนพวกเราเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด พวกเราได้รับงานที่
มีอันต้องเดินทางไปทุกจังหวัดในอีสานเพื่อเป็นทีมงานขนของ ตอนนั้นคือการไปเยือนอีสานครั้งแรกของเราและเพื่อน ดินแดนในมโนทัศน์ว่าต้องร้อน แห้งแล้ง ดินแตก คิดถึงภาพผู้คนรอคอยความช่วยเหลือจากเครื่องบินโปรยฝน น้ำตา ไหลปะปนไปกับน้ำฝนที่ลงมาจากฟ้า ตอนเดินทางไปครั้งนั้นประเทศเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แต่จากการคาดเดาภูมิอากาศ ในสมัยที่กูเกิ้ลยังไม่โด่งดัง เราจึงพกไปเพียงเสื้อยืดบาง ๆ สี่ห้าตัว เผื่อแค่สำหรับมีไว้สลับซักในวันหยุดงาน แต่เพียงไม่ กี่วันภาพมโนทัศน์อีสานของพวกเราก็พังทลายลง เมื่อลมเย็นทักทายพวกเราให้ตื่นเต้นระหว่างการเดินทางผ่านป่าไม้ สีเขียวมากมายที่รายล้อมขบวนรถทีมงาน มิพ้นที่เราเดินไปทุ่งหญ้าสูงเพื่อถ่ายรูปแล้วเหยียบขี้วัวให้เด็กนักเรียนแถว นั้นหัวเราะร่า สิ่งที่ทรงพลังที่สุดในการโบกพัดภาพมโนอีสานของพวกเราให้หายไปอีกคือลมหนาวหลังตะวันตกดินที่ ทำให้พวกเราต้องหาซื้อเสื้อผ้าหนามาสวมทับคลายหนาว
“เฮ้ย ไหนใครบอกว่ามันจะร้อนไงวะ ข้าเอาแต่เสื้อห่านคู่มาเท่านั้นเองเนี่ย”
..........
ภาพทรงจำครั้งมาอีสานในอดีตลอยพัดผ่านเข้ามาอย่างพร่าเลือน นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ไปแถบนั้น ใกล้ เคียงที่สุดก็งานแต่งของเพื่อนที่อุดรธานีเมื่อปีที่แล้ว เราพบว่าหลังจาก งานสมัยเป็นนักศึกษาฝึกงานเมื่อสิบปีที่แล้ว เราก็ไม่เคยได้ไปเยือนหนองบัวลำภูอีกเลย งานที่เคยลดระยะห่างของเรากับอีสานที่เปรียบเสมือนภาพระยะไกลของ กันและกัน งานที่ได้สร้างภาพทรงจำอีสานของจริงให้กับเรา
“คุณฟลุ๊คครับ ทางผมสนใจไปงานที่หนองบัวลำภูครับ”
4. หนองบัวลำภู - กรุงเทพ ฯ
ภายใน - ภายนอก / กลางวัน
“มีตำนานมาว่าเคยมีชาวบ้านชื่อนายศรีธน นิมิตวิกาลเห็นทองคำในถ้ำ นายศรีธนคนนี้แกเลยมาหาทองคำใน ถ้ำ แต่แล้วแกกลับโดนหินทับตาย เลยเป็นที่มาของชื่อถ้ำศรีธนแห่งนี้”
มือชาวบ้านผู้หนึ่งชี้ไปยังหินใบเทิ่งใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางโถงภายในถ้ำ “ศรีธน” ตามกำหนดการหลังจากการลงพื้น ที่คุยกับชาวบ้าน จะมีการเดินชมแหล่งโบราณคดีโดยชาวบ้านเป็นผู้นำพาชม
หลังจากถ้ำศรีธนแล้ว ถ้ำที่ทางชาวบ้านภูมิใจเสนอมากคือ “ถ้ำเมืองบาดาล” ซึ่งมีเส้นทางที่ค่อนข้างท้าทายกว่า แน่นอนการเดินทางในถ้ำแห่งนี้ควรเตรียมตัวเตรียมใจที่เสื้อผ้าจะเลอะคราบดินหินทราย ในตอนเดินมีนักข่าวคนหนึ่ง พลาดลื่นตอนเหยียบย่างก้าวบนหิน โชคดีที่ได้แผลถลอกมาเล็กน้อย
“ข้างในมันมหัศจรรย์มาก”
“จริงเหรอครับ ถ้าเข้าไปนี่ คุ้มค่าเลยเหรอ”
“โอย ยิ่งกว่าคุ้ม ต้องลองไปเบิ่งด้วยตาตัวเอง”
ชาวบ้านผู้นำทางเอ่ยชักชวนให้เราเข้าไปยล
เป็นอย่างที่ชาวบ้านแกเล่าภายในมีหินปูนที่สวยงาม นอกเหนือจากความสวยงาม ตัวเราพบว่ายิ่งทางเดินมัน ยากลำบาก มันยิ่งสนุก เดินลึกเข้าไปถ้ำเมืองบาดาล เราจะพบเจอโถงต่าง ๆ นับได้ประมาณสิบห้อง โดยห้องที่สิบจะ มีหินปูนรูปทรงเหมือนประเทศไทยสวยงามอยู่บนเพดาน
“นั่นนะภาคเหนือ ภาคกลาง เห็นไหมปลายด้ามขวานแบบภาคใต้ และนี่อีสานที่พวกเราอยู่”
ชาวบ้านผู้นำทางส่องไฟฉายตามบริเวณหินปูนรูปทรงประเทศไทย แน่นอนระหว่างเล่าเรื่อง แกยิ้มอย่างภูมิใจ
ภาพรอยยิ้มของคนที่รักและภูมิใจในถิ่นฐานบ้านเกิดของตัวเอง
……….
“นั่นไง ที่เขาระเบิดหิน”
ชาวบ้านชี้ไปยังเขาหัวโล้นขาวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชุมชนที่ชาวบ้านอยู่นัก ถ้านับระยะเวลารถตู้ก็ประมาณไม่เกิน
5 นาที พวกเราเดินไปดูบริเวณทำเหมืองแร่หินจากระยะห่างที่คิดว่าปลอดภัย
“จะมีหวอเตือนก่อนระเบิด เตือนวันละสามเวลา เขาบอกว่าเตือนแล้วนะ ชินก็อยู่กันไป แต่นอนไม่หลับเลย กลัวอยู่ ๆ แล้วหินมันกระเด็นมา”
เสียงคำพูดของคนบ้านดงมะไฟที่ยังคงกังวานอยู่บนภาพวิวข้างทางที่เคลื่อนผ่านอย่างว่องไวของเรา ขณะนี้รถตู้ กำลังนำพาเราผู้เดินทางขาจรแห่งลำเนานี้กลับสู่สนามบินเพื่อเดินทางต่อสู่อ้อมโอบของเมืองที่ห่างจากที่นี่เกือบหก ร้อยกิโลเมตรได้
“จากตรงนั้นไกลไหม”
“จากตรงไหนครับที่ไกล”
ผมเอ่ยถามป้าชาวบ้านคนหนึ่งที่กำลังเดินกลับไปขึ้นรถกับพวกเรา
“ตรงเหมืองกับตรงที่พวกเราเสวนากัน”
ภาพวิวข้างทางยังคงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว พี่คนขับรถตู้คงกำลังทำเวลาเพื่อให้พวกเราขึ้นเครื่องบินทันเวลา
“ความรู้สึกทำให้เราคิดว่าเวลาควรเดินทางเป็นเส้นตรงไปข้างหน้า แต่ตามสัมพันธภาพมันเป็นไปได้ว่าเวลาจะ สามารถ เดินทางวิถีโค้งหรือกลับมาเป็นวงกลมได้”
ภาพสภาพข้างทางภายนอกรถตู้ของหนองบัวลำภูที่เรามองออกไปในปัจจุบันนานี้เมื่อเทียบกับในคราวครั้งที่เคย มา ช่างเป็นภาพพร่าเลือนลางไร้จุดบรรจบทางความทรงจำ จากภาพระยะไกลในตอนนั้น ก็ยังคงเป็นภาพระยะห่าง ไกลในวันนี้อยู่ แต่อย่างน้อยที่สุดจากจุดที่เรามองจากภาพระยะอันห่างไกล ในตอนนี้เราขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น แม้ จะยังไกลอยู่ แต่ภาพก็เริ่มชัดเจนมากขึ้น
“ใกล้มากครับ อันตรายมากเลย”
เราตอบป้าชาวบ้าน เบื้องหลังของพวกเรามีภาพภูเขาหัวโล้นสีขาวตั้งตะหง่านอยู่
……….
ขอขอบคุณ
องค์กร แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย พี่น้อง พี่แก้ม ฟลุ๊ค และน้องฝึกงานแอมเนสตี้
ที่ชักชวนไปลงพื้นที่ส่งเสริมความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน วันที่ 27 - 28 พ.ย. 2562 ณ กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่า
ใหญ่ – ผาจันได ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู
พบกันโอกาสหน้าครับ ธนกฤต กฤษณยรรยง