4 สาเหตุของประท้วงที่ลุกลามไปทั่วโลก!

18 พฤศจิกายน 2562

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

ดูเหมือนว่าจะมีการประท้วงเกิดขึ้นมากมายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ประท้วงบนท้องถนนในฮ่องกงจนไปถึงลาปาซ ที่ปอร์โตแปรงซ์ กีโต   บาร์เซโลนา เบรุต รวมถึงที่ซานดิเอโก้ เราได้เห็นประชาชนมากมายที่พากันรวมกลุ่มกันและออกไปเดินบนถนน เพื่อใช้สิทธิของพวกเขาในการประท้วงและเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงจากกลุ่มผู้มีอำนาจ

 

แต่น่าเศร้าตรงที่ว่า ประเด็นต่างๆ รวมทั้งการประท้วงได้ถูกตอกกลับอย่างรุนแรงจากฝ่ายรัฐ ซึ่งมีหลายกรณีที่ประชาชนถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน

 

แอมแนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล มีหลักฐานที่แสดงถึงการละเมิดสิทธิและการละเมิดในที่ประท้วงในประเทศโบลิเวีย เลบานอน ชิลี สเปน อิรัก กินี ฮ่องกง อังกฤษ เอกวาดอร์ แคเมอรูนและอียิปต์ ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

 

ในฮ่องกงเกิดการประท้วงอย่างยาวนานแม้ว่าทางตำรวจจะทำการปราบปราม ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่มีการเดินขบวนประท้วงนั้นก็ได้ถูกปราบปรามอย่างรวดเร็วด้วยหลากหลายวิธีการ เช่น การเข้าจับกุมเหล่าผู้ประท้วง หรือในประเทศอียิปต์ก็ได้มีการเข้าจับกุมเหล่าผู้ประท้วงที่ร่วมเดินขบวนในเดือนกันยายนทั้งหมด 2300 คน ด้วยเช่นกัน

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ตั้งใจที่จะทำให้เห็นว่าการประท้วงกันอย่างสันตินั้นไม่ใช่อาชญากรรม แต่สามารถทำได้ตามหลักสิทธิมนุษยชน แต่วิธีการที่รัฐบาลเลือกใช้ปฏิบัติกับกลุ่มผู้ประท้วงนั้นกลับเป็นการกระทำที่รุนแรง ไม่มีเหตุผลและไม่เป็นไปตามกฎหมาย

 

เหล่าผู้ประท้วงกำลังใช้สิทธิใช้เสียงของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่สมควรได้รับการยอมรับ และเหตุผลที่ทำให้ผู้คนออกไปเดินเรียกร้องอยู่บนถนนนั้นมักจะถูกเชื่อมโยงกับข้อกังวลกับสิทธิมนุษยชนอยู่บ่อยครั้ง

 

มาดูกันว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้เหล่าผู้คนลุกขึ้นมาประท้วงมีอะไรบ้าง

 

1. คอรัปชั่น

ข้อกล่าวหาเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลนั้นเป็นตัวจุดประกายที่ทำให้เกิดกลุ่มผู้ประท้วงอย่างแพร่หลายในประเทศชิลี อียิปต์ และเลบานอน

ในช่วงปลายเดือนกันยายน มีคนหลายพันคนเข้าร่วมเดินขบวนทั่วทั้งอียิปต์ คนจำนวนมากรวมกลุ่มกันที่จุตรัสทาห์รีร์ในกรุงไคโร ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการประท้วงโค่นล้มประมุขของรัฐก่อนหน้านี้อย่างฮุสนี มุบาร็อกในปี 2011 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ประท้วงได้รับชมวีดีโอชุดหนึ่งที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทุจริตในระดับสูงของกองทัพอียิปต์

และในประเทศเลบานอน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้ใช้รถออกมาเรียกร้องเพื่อให้รัฐบาลลาออกอย่างล้นหลาม และเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวงที่กว้างขึ้น ประชาชนได้รับรู้ถึงการทุจริตและความล้มเหลวในการจัดการสิทธิทางสังคมและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ผู้คนยังได้ทำการเรียกร้องให้รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐออกมารับผิดชอบต่อกองทุนสาธารณะที่รัฐคอรัปชั่น

การใช้กองทุนสาธารณะในทางที่ผิดโดยผ่านการคอรัปชั่นนั้น ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางอาญาเท่านั้น แต่มันยังประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนอีกด้วย เพราะว่ามันมักจะทำให้เกิดการเบี่ยงเบนจุดประสงค์ของกองทุนจากการบริการที่จำเป็นภายใต้กฎหมายสิทธิมนุษยชน ซึ่งรัฐบาลจะต้องใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อทำให้แน่ใจว่าผู้คนสามารถมีชีวิตอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีได

 

2. ค่าครองชีพ

การคอรัปชั่นนั้นถูกเชื่อมโยงไปถึงค่าครองชีพด้วยเช่นกัน ในประเทศชิลี การประท้วงได้เริ่มต้นขึ้นโดยกลุ่มนักเรียนหลังจากที่พวกเขารับรู้ว่ารัฐบาลได้ประกาศขึ้นค่าโดยสารการขนส่งในซานติอาโก เมืองหลวงของประเทศชิลี

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีการประท้วงเพิ่มขึ้นในประเด็นนโยบายของรัฐที่ได้เพิ่มภาระทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสังคมไว้ให้กับผู้คนในประเทศชิลี ความกังวลของผู้คนเกี่ยวกับเรื่องของความไม่เสมอภาคถูกเน้นย้ำด้วยความจริงที่ว่า ชิลีคือหนึ่งในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ที่เลวร้ายที่สุด

ผู้คนต่างกังวลว่า การเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพนั้นอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เหมือนอย่างที่รัฐบาลหลายๆ ประเทศต่างใช้มาตรการทางเศรษฐกิจในการจัดเก็บภาษีที่มากขึ้นกว่าเดิม เช่นเดียวกับในประเทศอย่างอียิปต์และเอกวาดอร์

ในประเทศเอกวาดอร์ การที่รัฐบาลตัดสินใจยุติการให้เงินสนับสนุนเชื้อเพลิง ได้นำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่เพื่อต่อกรกับความเข้มงวดของภาครัฐ ซึ่งขณะนี้ถูกกดดันให้พิจารณาใหม่แล้ว

ผลกระทบของนโยบายทางเศรษฐกิจที่เข้มงวดมีแต่ส่งผลให้สถานการณ์เลวร้ายลง มีรายงานคาดการณ์ไว้ว่า ในปี 2021 จะมีประมาณสองหรือสามประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากนโยบายเช่นนี้ ซึ่งอาจจะมีประมาณหกพันล้านคนที่ได้รับผลกระทบ และยังมีการคาดการณ์อีกว่าจะมีคนจำนวนนับล้านคนตกงานจากผลพวงของมาตรการเหล่านี้  และมีโอกาสน้อยลงในการทำงานด้วย

 

3. ความยุติธรรมทางสภาพภูมิอากาศ 

ประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมกลายมาเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผู้ประท้วงหันมามองเรื่องนี้กันอย่างมากขึ้นในปีที่ผ่านมา ตั้งแต่นักกิจกรรมท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้ริเริ่มในการออกมาปกป้องสิ่งแวดล้อม การเกิดกลุ่มเคลื่อนไหวซึ่งนำโดยประชาชนที่เรามักจะเห็นในพาดหัวข่าวบ่อยๆ ไปจนถึงการประท้วงที่รุนแรงเกี่ยวกับการรับมือไฟป่าของรัฐบาลโบลิเวีย ผู้คนจำนวนมากมายต่างพากันลงไปเดินบนท้องถนนเพื่อแสดงให้เห็นถึงความกังวลและถามว่าผู้นำจะทำอย่างไรกับวิกฤตการณ์นี

ในเดือนกันยายน เมื่อผู้คนมากกว่า 7.6 ล้านคน ได้นัดหยุดเรียนเพื่อสภาพภูมิอากาศจำนวน 185 ประเทศทั่วโลก กลุ่มประท้วงนี้ถูกจัดขึ้นโดย Fridays for Future ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนที่นำโดยนักเคลื่อนไหวชาวสวีเดนอย่าง “เกรต้า ทุนเบิร์ก”  ที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา

ในปีนี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้มอบรางวัล Ambassador of Conscience ซึ่งเป็นเกียรติอันสูงสุด ให้กับการกระทำของกลุ่ม Fridays for Future เมื่อเกรต้าได้ขึ้นมารับรางวัล เธอได้กล่าวว่า “รางวัลนี้เป็นของกลุ่มเยาวชนทั่วโลกที่ได้ออกมารวมตัวกันจนทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่เรียกว่า Fridays for Future เยาวชนที่กล้าหาญเหล่านี้ต่างออกมาเพื่อต่อสู้กับอนาคตของพวกเขา พวกเขาควรที่จะได้รับในสิ่งที่เขาต้องการในอนาคต”

 

เสรีภาพทางการเมือง

ดูเหมือนว่าในปีนี้จะมีการรวมกลุ่มเหล่าผู้ชุมนุมเดินขบวนประท้วงกันเป็นอย่างมากในเมืองบาร์เซโลน่าและในพื้นที่บางส่วนของคาตาโลเนีย หลังจากที่ศาลฎีกาของสเปนได้ตัดสินผู้นำทางการเมืองและเหล่านักกิจกรรม

และการประท้วงของประเทศอินเดีย ได้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลอินเดีย ตัดสินใจยกเลิกมาตรา 370 ของรัฐธรรมนูญอินเดีย ซึ่งรับรองการปกครองพิเศษของรัฐจัมมูและแคชเมียร์ โดยแยกรัฐออกเป็นสองส่วน การแก้ไขและการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางการปิดกั้นการติดต่อสื่อสาร การเคอร์ฟิว และการกักขังของผู้นำทางการเมืองและนักกิจกรรม

ฮ่องกง เป็นอีกสถานที่ที่มีการประท้วงที่ใหญ่และยาวนานซึ่งมีประเด็นเกี่ยวข้องกับเสรีภาพทางการเมืองในปีนี้ การประท้วงเริ่มขึ้นในเดือนเมษายน 2562 หลังจากที่รัฐบาลฮ่องกงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติที่อนุญาตให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังจีนได้

ประชาชนจำนวนมากได้ลงไปเดินบนถนนเพื่อเรียกร้องสิทธิ ในที่สุดรัฐบาลได้ยุติแผนการที่จะนำร่างกฎหมายมาใช้ การประท้วงได้นำไปสู่การเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งรวมไปถึงการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการกระทำของตำรวจและการปฏิรูปการเมืองเพื่อให้พวกเขาได้เลือกผู้นำของฮ่องกง