ใครคือผู้ร้ายของสิทธิมนุษยชนในจักรวาลมาร์เวล?
29 เมษายน 2562
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
ภาพ WireImage
แปลโดย Smiling Sun
วันนี้เป็นวันที่ทุกคนจะพากันไปดูภาพยนตร์ Avengers: Endgame ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องล่าสุดในซีรี่ย์ภาพยนตร์ 22 ภาคที่เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้วกับไอรอนแมน โดยภาพยนตร์เหล่านี้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือการ์ตูนที่เขียนโดยสแตน ลี และแจ็ค เคอร์บี่ นับได้ว่าเป็นซีรี่ย์ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล และในภาคสุดท้ายนี้ก็ยังเป็นที่คาดการว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดของปีนี้
แต่แน่นอนว่าการที่มันจะฮิตติดกระแสสังคมได้ ก็ต้องมีพวก NGOs มาร่วมวงใช้โอกาสนี้ให้ความรู้กันด้วย โดยทางแอมเนสตี้ได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญภายในองค์กรด้านจักรวาลมาร์เวลเพื่อเปรียบเทียบเหตุการณ์ในเรื่องกับหลักเกณฑ์ในชีวิตจริงด้วยต่อไปนี้ เราขอเสนอรายชื่อผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงที่สุดในจักรวาลมาร์เวล เตรียมป็อปคอร์นให้พร้อม
***หากคุณยังไม่ได้ดูเรื่องราวในภาคก่อนๆ เราก็ขอเตือนกันตรงนี้เลยว่า บทความนี้สปอยล้วนๆ
แต่ไม่มีสปอยภาค Endgame นะ สบายใจได้
ชาวครี
ภาพจาก Marvel
ข้อหา: การสังหารหมู่และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
อเวนเจอร์ตอนล่าสุดที่ผ่านมาได้แสดงถึงผลกระทบจากหนึ่งในอาชญากรรมที่เลวร้ายที่สุดในวงการภาพยนตร์ คือการที่ทานอสสังหารหมู่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในจักรวาลครึ่งหนึ่ง
ถึงแม้ความเสียหายที่ทานอสสร้างขึ้นจะถือได้ว่าร้ายแรงที่สุดในเชิงปริมาณ แต่การดีดนิ้วของเขาความจริงแล้วถือเป็นคดีการสังหารหมู่เท่านั้น เพราะเหยื่อของเขาไม่ได้ถูกเจาะจงหรือเพ่งเล็งกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
และถึงแม้การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จะถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่เกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ ไม่ใช่การสังหารหมู่ทุกครั้งที่จะเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพราะการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หมายถึงการกระทำใดๆที่ทำขึ้นเพื่อทำลายชนชาติ กลุ่มชาติพันธุ์ เชื้อชาติ หรือศาสนา
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เหมือนกับอาชญากรรมต่อมนุษยชาติชนิดอื่นๆ ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงที่สุดที่สามารถเกิดได้ ดังนั้นชาวครี หนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาลมาร์เวล จึงติดโผผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงที่สุดเช่นกัน
ในภาพยนตร์เรื่องกัปตันมาร์เวล เราพบว่าแท้จริงแล้วชาวครีไม่ใช่ผู้พิทักษ์สันติอย่างที่พวกเขาแสดงให้เห็น แต่ความจริงแล้วเป็นกลุ่มกระหายความรุนแรงที่พยายามจะกวาดล้างชาวสครูลให้สิ้นซากทำให้สงครามนี้นับเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพราะความพยายามในการกำจัดประชากรกลุ่มๆ หนึ่งให้หมดไป
นอกจากนี้ ผู้ชมยังค้นพบผ่านตัวละครเอกอีกว่าแท้จริงแล้วชาวสครูลเพียงแค่พยายามจะหลบซ่อนเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น ไม่ใช่ตัวอันตรายอย่างที่ชาวครีป้ายสีไว้ ประวัติศาสตร์มนุษย์แสดงให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกถึงวิธีการสร้างความชอบธรรมที่นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นั้นก็คือการลดทอนความเป็นมนุษย์ของเหยื่อลงจนสังคมสนับสนุนการกำจัดพวกเขานั้นเอง
ทานอส
ภาพจาก Marvel
ข้อหา: อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ การสังหารหมู่ ทรมาน อาชญากรรมสงครามว่าด้วยการจู่โจมพลเรือน การฆาตกรรมและล่วงละเมิดนักโทษสงคราม
ท้ายที่สุดแล้วกลายเป็นว่าทานอสคือตัวร้ายเอกของจักรวาลมาร์เวล และเป็นความอับอายของนักสิ่งแวดล้อมทุกแห่งหน ชายม่วงกล้ามโตผู้นี้สามารถสังหารหมู่ในระดับที่ไม่มีใครสามารถทุบสถิติได้ด้วยการทำให้ครึ่งหนึ่งของทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลสลายไป แล้วก็ให้เหตุผลอย่างไร้ยางอายว่าเขาทำไปเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้
แต่ในขณะที่ทานอสสามารถไปงัดข้อกับชาวครีได้เมื่อนำยอดความเสียหายมาเทียบกัน ทางแอมเนสตี้ไม่สามารถที่จะเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงอีกหนึ่งกรณีได้ คือการทรมานกาโมร่าและเนบิวล่า ลูกสาวทั้งสองของเขาทั้งทางกายและทางจิตใจ
ภายใต้กฎหมายสิทธิมนุษยชนเราทุกคนมีสิทธิที่จะเป็นอิสระจากการทรมานหรือการลงโทษที่โหดร้ายหรือผิดมนุษย์ แต่จากที่เราได้รู้จากทานอส ผู้มีอำนาจมักใช้การทรมานทางจิตวิทยาเพื่อสร้างความทุกข์ทรมานทางใจกับผู้อื่น การทรมานทางจิตวิทยาแบบนี้สามารถสร้างความร้ายแรงอย่างมากจนเกินไปกว่าที่การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ผ่านมาเคยบันทึกเอาไว้
โอดิน
ภาพจาก Marvel
ข้อหา: บังคับให้สูญหาย และอาจก่ออาชญากรรมสงคราม
แม้ว่าโอดินไม่เคยรับบทตัวร้ายในภาพยนตร์ใดๆ แต่ข้อเท็จจริงก็ชี้ให้เห็นอยู่ดีว่าราชาแห่งแอสการ์ดได้ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างที่ไม่เคยรับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นแต่อย่างใด
เราได้เห็นประวัติด่างพล้อยของโอดินในเรื่อง Thor: Ragnarok เมื่อเราพบว่าโอดินเคยร่วมมือกับลูกสาวคนโต "เฮลา" ในการก่อสงครามที่รุนแรงและนองเลือดเพื่อครองเก้าโลกและตั้งจักรวรรดิใหม่ แต่ตัวภาพยนตร์เองไม่เคยระบุว่าทั้งสองต่อสู้เฉพาะกับกองทัพศัตรูเท่านั้น หรือว่ามีการโจมตีพลเรือนด้วย เมื่อความกระหายเลือดของเฮลาก้าวข้ามพระบิดา โอดินจึงขังเธอไว้และลบร่องรอยของเธอออกจากประวัติศาสตร์ แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าโอดินเคยก่ออาชญากรรมสงครามใดๆ ในสงครามเก้าโลกหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ โอดินได้บังคับให้ลูกสาวแท้ๆ ของตนหายสาบสูญไป
ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน การบังคับสาบสูญคือการจับกุม กักขัง ลักพาตัวหรือริดรอนเสรีภาพโดยเจ้าหน้าที่รัฐหรือโดยความยินยอมจากรัฐ ตามด้วยการปฏิเสฐที่จะรับรู้การริดรอนเสรีภาพหรือการปิดบังชะตากรรมของบุคคลที่หายไป
การกระทำของโอดินทำให้เฮลาไปอยู่ในพื้นที่ที่กฎหมายไม่มีตัวตน ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมการบังคับสาบสูญจึงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง แม้การจะรวมโอดินมาอยู่ในลิสท์นี้อาจจะดูไม่ค่อยเข้าพวก แต่ถ้าโอดินมีอยู่ในชีวิตจริง เขาคือผู้ถืออำนาจปกครองสูงสุดของรัฐ ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวมีหน้าที่ที่ต้องปกป้องและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน นี่คือสาเหตุว่าทำไมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนลจริงให้ความสำคัญในการสนับสนุนหรือประนามการกระทำของรัฐเมื่อมีประเด็นทางด้านสิทธิมนุษยชน แทนที่จะไปจับจ้องที่ตัวบุคคลหรือองค์กรเท่านั้น
คิดว่าลิสท์ของเราไม่ถูกเหรอ ทวีตมาบอกว่าใครที่คุณคิดว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนในจักรวาลมาร์เวลกับเราได้ที่ @amnesty