14 ปี คุกกวนตานาโมสัญลักษณ์แห่งการละเมิดสิทธิมนุษยชนของสหรัฐอเมริกา
13 มกราคม 2559
11 มกราคม 2559 ครบรอบ 14 ปีการเปิดสถานกักกันที่มีชื่อว่า “กวนตานาโม” คุกลับของสหรัฐอเมริกาที่สำนักงานข่าวกรองกลางหรือซีไอเอใช้เป็นสถานที่สอบปากคำนักโทษหรือผู้ต้องสงสัยคดีก่อการร้ายด้วยการทรมานร่างกาย
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังคงเรียกร้องอย่างต่อเนื่องให้ทางการสหรัฐฯ ปิดคุกลับนี้ ชี้การที่รัฐสภาสหรัฐขัดขวางไม่ให้ทำการปิดสถานกักกันดังกล่าวถือเป็นการเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้น ซึ่งขัดต่อมาตรฐานความยุติธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน
เนารีน ชาห์ (Naureen Shah) ผู้อำนวยการโครงการความมั่นคงและสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศสหรัฐอเมริกาเผยว่า สถานกักกันกวนตานาโมยังคงเปิดอยู่ เนื่องจากนักการเมืองแสวงหาประโยชน์จากความกลัวของประชาชนในเรื่อง “การก่อการร้าย” โดยแทนที่สมาชิกรัฐสภาจะเสนอมาตรการที่มีประสิทธิภาพและชอบด้วยกฎหมายเพื่อป้องกันการโจมตีเหล่านั้น กลับเล่นการเมืองโดยใช้ชีวิตของผู้ชายหลายสิบคนเป็นเดิมพัน ทำให้พวกเขาเหลานั้นเสี่ยงจะเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวโดยไม่มีโอกาสเข้ารับการไต่สวนจากศาลแต่อย่างใด
"กวนตานาโมได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการทรมานที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศ การควบคุมตัวบุคคลที่ต้องสงสัยแบบลับๆ และไม่มีการกำหนดระยะเวลา ทั้งที่ไม่มีการตั้งข้อหาหรือไม่มีการไต่สวนโดยศาล การสถานกักกันที่กวนตานาโมไม่ได้หมายถึงแค่การย้ายตัวบุคคลเหล่านั้นไปยังสถานกักกันแห่งใหม่ หรือการปิดไฟในคุกแห่งนี้ แต่หมายถึงการยุติการปฏิบัติเหล่านี้อย่างสิ้นเชิง และต้องมีการรับผิดต่อการปฏิบัติมิชอบที่เกิดขึ้นในอดีตด้วย”
ปัจจุบันมีผู้ถูกควบคุมตัวที่สถานกักกันของสหรัฐฯ ในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา จำนวน 104 คน ในจำนวนนี้มี 45 คนที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และสมควรส่งตัวไปที่อื่น แต่พวกเขาก็ยังคงถูกควบคุมตัวที่นี่ต่อไป
ตอนที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม 2552 เขาลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อปิดสถานกักกันที่อื้อฉาวแห่งนี้ภายในเวลาหนึ่งปี แต่เจ็ดปีต่อมา สถานกักกันที่กวนตานาโมยังเปิดดำเนินการอยู่ รัฐบาลของนายโอบามาเผยเป็นนัยถึงแผนการปิดศูนย์กักตัวแห่งนี้ โดยการส่งตัวบุคคลที่ถูกควบคุมตัวไปยังสหรัฐฯ และให้มีการควบคุมตัวต่อไปโดยไม่มีระยะเวลากำหนด
“ข้อเสนอของประธานาธิบดีโอบามาที่จะเคลื่อนย้ายผู้ถูกควบคุมตัวบางคน ให้ไปเข้ารับการควบคุมตัวโดยไม่มีกำหนดการปล่อยตัวในสหรัฐฯ เท่ากับเป็นการเปลี่ยนรหัสไปรษณีย์ให้กับสถานกักกันของกวนตานาโมเท่านั้น ทั้งยังเป็นตัวอย่างที่แฝงไปด้วยอันตรายเพราะอาจถูกแสวงหาประโยชน์จากรัฐบาลชุดต่อไป ประธานาธิบดีโอบามาต้องยุติการควบคุมตัวโดยไม่มีการตั้งข้อหาอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่การย้ายผู้ถูกควบคุมตัวไปที่อื่น”
"การส่งตัวบุคคลที่ได้รับการอนุมัติให้ไปอยู่ที่อื่น สามารถลดจำนวนผู้ถูกควบคุมตัวที่กวนตานาโมลงได้อย่างมากโดย โดยทางกระทรวงกลาโหมควรได้รับคำสั่งที่ชัดเจนจากประธานาธิบดีในการเร่งส่งตัวบุคคลเหล่านั้นไปยังประเทศที่มีความปลอดภัยสูง ส่วนผู้ถูกควบคุมตัวที่ไม่อาจส่งตัวไปที่ใดได้ ก็ควรได้รับการตั้งข้อหาและฟ้องร้องต่อศาลกลางของประเทศ หรือไม่เช่นนั้นต้องปล่อยตัวไป และต้องมีการสอบสวนในกรณีที่มีรายงานว่ามีการทรมานและการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นกับผู้ถูกควบคุมตัวด้วย” เนารีนชาห์กล่าว
"ประธานาธิบดีโอบามาเหลือเวลาทำงานอีกเพียงหนึ่งปี เขาสามารถทำตามพันธกิจที่ให้ไว้ในการปิดสถานกักกันที่กวนตานาโมได้ เพราะขณะนี้ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนของเขาและของประเทศกำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ประธานาธิบดีโอบามาสามารถและต้องทำให้สำเร็จ”
ทั้งนี้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยใช้เรื่องการปิดคุกกวนตานาโมในการหาเสียง วันแรกๆ เมื่อเข้ามานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม 2552 เขาระบุว่าจะปิดสถานกักกันแห่งนี้ “ภายใน 1 ปี” โดยประกาศด้วยความมุ่งมั่น ณ องค์การบริหารจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ กรุงวอชิงตัน ว่า “ในฐานะประธานาธิบดี ผมจะไม่ยอมให้ปัญหานี้เรื้อรังต่อไป”
ขอเชิญร่วมกันลงชื่อเพื่อบอกประธานนาธิบดีบารัก โอบาม่าให้ปิดคุกกวนตานาโมตามที่เคยให้สัญญาไว้ได้ที่นี่ http://amn.st/6186BnhUr