
ปฏิบัติการด่วน: สามเด็กผู้ชุมนุมประท้วงกำลังถูกคุกคามและดำเนินคดี: "เพชร" ธนกร ภิระบัน "จัน" ต้นน้ำเพชร และ'แซนด์'
เจ้าหน้าที่รัฐไทยกำลังดำเนินคดีและคุกคามนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่เป็นเด็กจากการใช้สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ ทางการไทยได้ฟ้องดำเนินคดีอาญากับเด็กจำนวนทั้งสิ้น 283 คน โดยได้พิพากษาเอาผิด "เพชร" ธนกร ภิระบัน นักกิจกรรมรณรงค์ผู้มีความหลากหลายทางเพศ และดำเนินการสอบสวนคดีของ "จัน" ต้นน้ำเพชร นักกิจกรรมชนเผ่าพื้นเมืองด้านสิทธิที่ดิน ส่วนกรณีของ 'แซนด์' นักกิจกรรมเยาวชนที่เข้าร่วมชุมนุมประท้วงขณะมีอายุไม่ถึง 18 ปี ก็กำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาคดี
ข้อเรียกร้องของเรา
ร่วมกับเรา: เขียนจดหมายเรียกร้องด้วยถ้อยคำของท่านเองหรือใช้ตัวอย่างจดหมายด้านล่างนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก ดุสิต กทม. 10300 ประเทศไทย
ทวิตเตอร์ @prayutofficial
เรียนนายกรัฐมนตรี
เราเขียนจดหมายนี้ขึ้นเพื่อแสดงความกังวลใจ เนื่องจากรัฐบาลของท่านกำลังดำเนินการเอาผิดเด็กๆ ที่ใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและการแสดงออก
เรารู้สึกไม่สบายใจที่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา รัฐบาลไทยได้เริ่มดำเนินคดีกับเด็กทั่วประเทศไทยจำนวนไม่น้อยกว่า 283 คน เนื่องจากการเข้าร่วมชุมนุมโดยสงบหรือแสดงความคิดเห็นเพื่อเรียกร้องการปฏิรูปทางการเมือง การปรับปรุงระบบการศึกษา การคุ้มครองสิทธิของคนกลุ่มน้อย และความเท่าเทียมทางเพศ รัฐบาลของท่านยังมีการคุกคาม ติดตาม และข่มขู่นักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่เป็นเด็กเหล่านี้ นอกจากนั้น เรายังกังวลว่า การสลายการชุมนุมของรัฐบาลเป็นการสร้างความหวาดกลัวแก่เด็กๆ ต่อการใช้สิทธิในเสรีภาพการชุมนุม
ในเดือนพฤศจิกายน 2565 “เพชร” ธนกร ภิระบัน ถูกศาลพิพากษาตัดสินจำคุกในข้อหาความผิดมาตรา 112 เนื่องจากการกล่าวปราศรัยในการชุมนุมประท้วงจำนวน 2 ครั้งในปี 2563 ขณะมีอายุ 17 ปี โดยให้เปลี่ยนโทษเป็นการคุมประพฤติและนำตัวไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กเป็นเวลา 18 เดือนถึง 3 ปีแทน ในเดือนธันวาคม 2565 เพชรถูกตัดสินให้รอลงอาญา 2 ปี แต่ก็ถูกฟ้องข้อหาเพิ่มเติมด้วยในอีก 2 ข้อหา รวมถึงความผิดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ‘แซนด์’ นักกิจกรรมอายุ 17 ปีก็ถูกดำเนินคดีอาญาหลังจากการเข้าร่วมชุมนุมประท้วงโดยสงบในกรุงเทพมหานครเมื่อปี 2564 เพื่อเรียกร้องให้มีรัฐบาลชุดใหม่และปล่อยแกนนำนักศึกษาที่ถูกคุมขัง โดยหนึ่งในข้อหาในคดีนี้ได้แก่การละเมิด พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ซึ่งถูกประกาศใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และปัจจุบันถูกยกเลิกไปแล้ว ส่วน ”จัน” ต้นน้ำเพชร นักกิจกรรมด้านสิทธิที่ดินชุมชนที่เป็นชาวกะเหรี่ยง ก็กำลังถูกสืบสวนในกรณีการละเมิด พ.ร.ก. ฉุกเฉิน หลังจากที่ได้นำเสนอความกังวลของชุมชนต่อการเข้าถึงที่ดินในการชุมนุมประท้วงที่กรุงเทพมหานครเมื่อปี 2565
ประเทศไทยมีพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศฉบับต่างๆ รวมถึงกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองและอนุสัญญาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิเด็ก ในการคุ้มครองและรับประกันสิทธิเสรีภาพของเด็กในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ เพื่อให้เด็กสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้โดยปราศจากความกลัวที่จะถูกตอบโต้ สิทธิเหล่านี้มีความสำคัญต่อเด็กในการรณรงค์ในประเด็นสิทธิมนุษยชนหรือประเด็นอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อตัวพวกเขาเอง
ดังนั้น เราจึงขอเรียกร้องให้ท่าน
- ยุติการดำเนินคดีทั้งหมด ถอนคำพิพากษาเอาผิด และหยุดการข่มขู่คุกคามต่อเด็กที่ใช้สิทธิมนุษยชนโดยสงบ
- เคารพ ปกป้อง และส่งเสริมสิทธิของเด็กในการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและการแสดงออก และ
- แก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับการใช้สิทธิดังกล่าว
ด้วยความเคารพ
ข้อมูลเพิ่มเติม
เมื่อปี 2563 เยาวชน รวมถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยและนักเรียนมัธยมศึกษาที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ทั่วประเทศไทยได้ออกมาชุมนุมประท้วงโดยสงบในวงกว้าง โดยการชุมนุมประท้วงได้เริ่มจากพื้นที่ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยและขยายมาสู่ท้องถนน เจ้าหน้าที่รัฐกลับตอบโต้ปรากฏการณ์ดังกล่าวด้วยการจับกุมและฟ้องดำเนินคดีอาญากับผู้จัดและผู้เข้าร่วมชุมนุมเหล่านี้ โดยเฉพาะหลังจากที่การชุมนุมประท้วงได้มุ่งข้อเรียกร้องไปที่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
ขบวนการชุมนุมประท้วงที่นำโดยเยาวชนมีจุดเริ่มต้นมาจากความต้องการการปฏิรูปประชาธิปไตยและภายหลังได้ยกระดับข้อเรียกร้องไปรวมถึงการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ การปฏิรูปทางสังคม การยุติการปราบปรามผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล การปรับปรุงระบบการศึกษา และความปลอดภัยในโรงเรียน ผู้เข้าร่วมชุมนุมประท้วงยังได้มีการรณรงค์เกี่ยวกับสิทธิของผู้หญิง ชนเผ่าพื้นเมือง ผู้มีความหลากหลายทางเพศ และกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นชนกลุ่มน้อย โดยรูปแบบการชุมนุมประท้วงบนท้องถนนยังมีความหลากหลาย เช่น งานเลี้ยง การโต้วาที แฟลชม็อบ การนั่งประท้วง การแสดงละครเวทีและดนตรีสด การเดินแฟชั่น และศิลปะ เยาวชนยังมีการจัดกิจกรรมและการแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางออนไลน์ ผู้ชุมนุมมีการใช้การล้อเลียน เสียดสี หรือภาพจากวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์ เพื่อประกอบการเรียกร้องความเปลี่ยนแปลง วัยรุ่นและเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีและมักปรากฏตัวในเครื่องแบบนักเรียนหรือเสื้อผ้าสตรีทแฟชั่น ได้กลายเป็นหน้าตาของการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นเหล่านี้
ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2563 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่รัฐได้เริ่มปฏิบัติการสลายการชุมนุมประท้วงโดยสงบ โดยได้ฟ้องดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญากับเด็กจำนวนไม่ต่ำกว่า 283 คนที่ออกมาใช้สิทธิอย่างสงบ เด็กที่เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงโดยสงบหรือแสดงความคิดเห็นในประเด็นสังคมและการเมืองผ่านการปราศรัยหรือบนโลกอินเตอร์เน็ตต้องเผชิญการจับกุมคุมขัง กระบวนการทางกฎหมายที่ใช้เวลานาน การข่มขู่คุกคาม และการสอดส่องติดตาม
เด็กส่วนใหญ่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีด้วยข้อหาฝ่าฝืนข้อห้ามการรวมตัวในที่สาธารณะที่รัฐบาลประกาศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ซึ่งกำหนดบทลงโทษจำคุก 2 ปีและ/หรือปรับ รัฐบาลประกาศบังคับใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉินตลอดช่วงเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2565 เด็กยังต้องเผชิญข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าด้วยความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ว่าด้วยความผิดฐานยุยงปลุกปั่น มาตรา 112 ระบุว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” จะต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี ส่วนมาตรา 116 ระบุห้ามการกระทำ “(2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน” และกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศได้เสนอแนะให้รัฐบาลไทยแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายดังกล่าว รวมถึงกฎหมายอื่น ๆ เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของประเทศ
“เพชร” ธนกร ภิระบัน นักกิจกรรมผู้มีความหลากหลายทางเพศจากกรุงเทพมหานคร ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดในสองคดีเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน และ 22 ธันวาคม 2564 ตามลำดับ ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เนื่องจากการกล่าวปราศรัยในที่ชุมนุมที่จัดขึ้นอย่างสงบที่กรุงเทพมหานครในเดือนกันยายนและธันวาคม 2564 เพชรเป็นเด็กคนแรกที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์และต้องโทษด้วยการนำตัวเข้าไป “ฝึกอบรม” ที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน ส่วนในอีกคดีหนึ่ง ศาลได้ตัดสินรอลงอาญาโดยกำหนดเงื่อนไขสำหรับการคุมประพฤติ ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการฟ้องข้อหาเพิ่มเติมกับเพชรด้วยความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
“จัน” ต้นน้ำเพชร นักกิจกรรมด้านสิทธิที่ดินชุมชนชาวกะเหรี่ยง อายุ 18 ปี กำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนในกรณีฝ่าฝืนข้อห้ามช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินจากการเข้าร่วมชุมนุมเมื่อเดือนมกราคม 2564 ขณะที่จันอายุ 17 ปี จันได้กล่าวปราศรัยในการนั่งประท้วงเพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลของชุมชนของตัวเอง โดยเธอได้เข้าร่วมชุมนุมประท้วงในฐานะตัวแทนเสียงของสมาชิกชุมชนที่พูดไทยไม่ได้ สมาชิกในชุมชนของจันต้องเผชิญการละเมิดสิทธิมนุษยชนในด้านต่างๆ เช่น การบังคับให้สูญหายของบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ ที่มีเหตุมาจากการบังคับไล่ที่และย้ายที่อยู่อาศัยของชุมชนออกจากที่ดินบรรพบุรุษในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบรี ทางภาคตะวันตกของไทย
“แซนด์” (ใช้นามสมมติเพื่อความปลอดภัย) เป็นนักปกป้องสิทธิอายุ17 ปี ที่เข้าร่วมการชุมนุมเพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมในโรงเรียนและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แซนด์ต้องเผชิญการติดตามและการคุกคามเนื่องจากบทบาทการเป็นนักกิจกรรม และข้อหาจำนวน 11 ข้อหาจากการละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินและกฎหมายฉบับอื่นๆ จากการเข้าร่วมชุมนุมประท้วงโดยสงบ ปัจจุบัน แซนด์ถูกฟ้องดำเนินคดีด้วยข้อหาละเมิดพ.ร.ก. ฉุกเฉิน จากการเข้าร่วมชุมนุมประท้วงในกรุงเทพมหานครในช่วงปิดภาคเรียน
ภาษาที่ต้องการใช้เขียนถึงผู้รับ:อังกฤษ/ไทย
หรือท่านสามารถเขียนเป็นภาษาของตัวเองก็ได้
โปรดดำเนินการทันทีได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง: 28 มีนาคม 2566
ชื่อและสรรพนาม: เพชร ธนกร ภิระบัน (เขา) “แซนด์” (ญ) จัน ต้นน้ำเพชร (ญ)
ปฏิบัติการด่วนคืออะไร? ทำไมต้องมี?
‘ปฏิบัติการด่วน’ (Urgent Action) เป็นหนึ่งในวิธีการรณรงค์ที่สำคัญของ ‘แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล’ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนทั่วโลก เช่น นักโทษทางความคิด นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ผู้ที่ถูกทรมาน ผู้ที่ถูกบังคับให้สูญหาย ผู้ที่กำลังจะถูกประหารชีวิต ผู้ลี้ภัยที่เสี่ยงถูกส่งตัวกลับประเทศ และอื่นๆ
ผู้ประสานงานในแต่ละประเทศจะรับปฏิบัติการด่วนจากสำนักงานเลขาธิการใหญ่ ณ กรุงลอนดอน แล้วกระจายไปยังสมาชิกเครือข่ายปฏิบัติการด่วน (Urgent Action Network) จากนั้นสมาชิกแต่ละคนจะเขียนจดหมาย อีเมล แฟ็กซ์ ข้อความ หรือแม้แต่โทรศัพท์ไปยังรัฐบาลหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกดดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อผู้ที่กำลังถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน
ข้อมูลในปฏิบัติการด่วนของเรามีความเป็นกลาง น่าเชื่อถือ และได้รับการยอมรับในระดับสากล ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากการเสาะหาและตรวจสอบข้อมูลอย่างรัดกุม ตลอดจนมีความระมัดระวังอย่างมากในการนำเสนอข้อมูลสู่สาธารณะ
ปฏิบัติการด่วนเป็นสื่อกลางที่ช่วยให้คนธรรมดาๆ สามารถมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนสามารถช่วยเหลือผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศได้จริงอีกด้วย
นี่คือคลิปวิดีโออธิบายปฏิบัติการด่วน โดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สหราชอาณาจักร